สาววัย 28 ร้องทนายช่วย ถูกที่ทำงานไล่ออก หลังลางานไปฝากครรภ์เพราะตั้งท้อง ซ้ำถูกชี้หน้าด่า กดดันให้ออกจากงาน ไม่เข้าใจทำไมต้องรังแกคนท้อง

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุยข่าว เมืองนนท์
เมื่อวานนี้ (15 กันยายน 2564) เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นางสาวเพ็ญพิไล อายุ 28 ปี อาชีพผู้ช่วยสัตวแพทย์ เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก ทนายโป้ง นายเกียรติคุณ ต้นยาง ประธานชมรมทนายจิตอาสา กรณีถูกที่ทำงานไล่ออกจากงาน สาเหตุเพราะลางานไปฝากครรภ์ ตอนนี้เครียดมาก เป็นห่วงลูกในท้อง ไม่เข้าใจทำไมต้องรังแกคนท้องแบบนี้
โดยนางสาวเพ็ญพิไล เผยว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน ตนเองลางานกับที่ทำงานโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เพื่อไปฝากครรภ์ เพราะมีอาการแพ้ท้อง ถัดมาวันที่ 11 มีอาการแพ้อีกจึงขอลาต่ออีก 2 วัน พอกลับมาทำงานวันที่ 13 ก็ถูกใบเตือนและถูกเลื่อนประเมินการทำงาน ทั้งที่ทำงานเกิน 120 วันแล้ว

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุยข่าว เมืองนนท์
วันนั้นจึงไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่กลับถูกผู้จัดการซึ่งเป็นสามีของเจ้าของโรงพยาบาลที่ทำงานมาชี้หน้าด่าและไล่ออก ก่อนที่วันที่ 14 จะได้รับหนังสือไล่ออกตามมา ส่วนตัวมองว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม นอกจากนี้ในเดือนหน้าหมอก็นัด แต่ที่ทำงานกลับบอกว่าไม่ให้ไปด้วย
เบื้องต้นได้ยื่นเรื่องต่อกรมแรงงานแล้ว ซึ่งจะมีการเรียกตัวหมอเจ้าของโรงพยาบาลมาพูดคุยต่อไป ยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน และตอนนี้ก็ยังไปทำงานอยู่ เพราะยังไม่ได้เซ็นลาออก แต่ก็ถูกผู้จัดการกดดัน ถ้าไม่เซ็นจะให้หนังสือพ้นสภาพการทำงาน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก คุยข่าว เมืองนนท์
ทั้งนี้ ทนายโป้ง กล่าวว่า ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานมาตรา 4.3 บัญญัติไว้ว่า ห้ามไม่ให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงด้วยเหตุการตั้งครรภ์ จะไม่สามารถเลิกจ้างได้ ถ้าในเวลางานมีปัญหาของการแพ้ท้องมีมาตรา 4.2 ระบุว่า ถ้าหญิงตั้งครรภ์มีปัญหาปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการทำงานแพ้ท้อง สามารถบอกนายจ้างขอเปลี่ยนหน้าที่ในการทำงานได้ เพื่อทำงานให้เหมาะสม ถ้านายจ้างไม่ปฏิบัติตามจะผิดกฎหมายในมาตรา 104.4 ห้ามไม่ให้นายจ้างฝ่าฝืนในมาตรา 4.2 และ 4.3 ทั้งหมดนี้มีโทษทางอาญาจะต้องระวังจำคุกไม่เกิน 6 เดือนและปรับไม่เกิน 1 แสนบาท