ญี่ปุ่นประกาศเตือน #การก่อการร้ายแบบพลีชีพ ทำโซเชียลไทยหวั่น ช่วยเตือนกัน ฉะรัฐบาลไม่ประกาศเตือนประชาชน กับข้อมูลอีกด้าน ก.ต่างประเทศ - ตร. เคยแจงแล้ว
กลายเป็นแฮชแท็กที่มาแรงติดอันดับในทวิตเตอร์ไทยวันนี้ (16 กันยายน 2564) สำหรับ #การก่อการร้ายแบบพลีชีพ ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นแจ้งคนญี่ปุ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ระมัดระวังอาจมีการก่อการร้าย หลายคนมองว่าเรื่องนี้อาจจะเกิดอันตราย และหวั่นใจว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับประเทศไทยด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาเตือนภัยให้ประชาชนรู้ และตื่นตัวกับกรณีดังกล่าว บ้างก็มองว่าสื่อควรจะนำเสนอเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนรับรู้และระวังตัวด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ในเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เคยออกมารายงานข่าวดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่า "โฆษก ก.ต่างประเทศไทย ชี้แจง ก.ต่างประเทศญี่ปุ่น แจ้งคนญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ได้เจาะจงเฉพาะไทยครับ …"
![กระทรวงต่างประเทศ]( "กระทรวงต่างประเทศ")
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ขณะที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ เคยออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวแล้วเช่นกัน ซึ่งตามรายงานของสำนักข่าว INN ระบุว่า นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบเบื้องต้นกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแล้ว พบว่า
- เป็นการส่งอีเมลนี้ไปยังคนญี่ปุ่นในไทย โดยเป็นคำสั่งที่ได้รับมาจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ระบุที่มาของข้อมูล ทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นไม่ได้ทราบข้อมูลที่มากไปกว่านี้
- กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น สั่งการให้ส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังคนญี่ปุ่นที่อยู่ในภูมิภาคแถบนี้ ไม่ใช่เฉพาะไทย แต่ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในไทย ทราบว่า มีสิงคโปร์ เมียนมา และอินโดนีเซีย ด้วย
ด้านรายงานข่าวของฐานเศรษฐกิจ ระบุว่า ใจความสำคัญของอีเมลฉบับดังกล่าวมีใจความดังนี้
"ขอให้ชาวญี่ปุ่นระมัดระวังการโจมตีหรือการก่อการร้าย โดยเฉพาะการระเบิดพลีชีพตนเองในสถานที่ที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก จึงขอให้ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้
1. ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการของทางการท้องถิ่น หากเกิดเหตุขึ้น
3. เมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ให้สังเกตสถานการณ์รอบๆ ตัว หรือใช้เวลาอยู่สถานที่เหล่านั้นให้สั้นที่สุด หากพบว่ามีความน่าสงสัยให้รีบออกจากสถานที่ดังกล่าวโดยสถานที่ที่ควรระมัดระวัง เช่น วัด โบสถ์ มัสยิด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สามารถติดต่อหรือแจ้งข้อมูลได้ที่ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โทรศัพท์ (66-2) 207-8500, 696-3000 โทรสาร (66-2) 207-8511"
ขณะที่ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า พบว่ามีการแจ้งเตือนจากสถานทูตญี่ปุ่นทั่วทั้งประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย เป็นการแจ้งเตือนตามวงรอบ ไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีการก่อการร้าย ขณะนี้ยังไม่มีการเฝ้าระวังสิ่งใดเป็นพิเศษ และทางเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์พร้อมการประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวลและใช้ชีวิตตามปกติ
พ.ต.อ. กฤษณะ ระบุว่า ทางการไทยมีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว ทั้งด้านการข่าวฝ่ายความมั่นคง ด้านข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง ส่วนการรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้งของสถานทูตรวมถึงสถานที่พำนักของเอกอัครราชทูตหรือเจ้าหน้าที่ทางการทูตในประเทศไทย มีการประสานงานกับตำรวจท้องที่อยู่แล้วก็ดำเนินการควบคู่กันไป รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนด้านข่าวกรองตลอดเวลา
และขณะนี้ไม่ได้ห่วงที่ใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการรักษาสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญในประเทศก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลร่วมกับตำรวจนครบาลหรือหากมีสถานกงสุล หรือสถานทูตตั้งอยู่ต่างจังหวัดก็มีการประสานกับตำรวจท้องที่อยู่แล้วเช่นกันตรงนี้ไม่เป็นห่วง และพร้อมให้การสนับสนุนทันทีหากมีการร้องขอมา
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ, เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ในเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว เคยออกมารายงานข่าวดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่า "โฆษก ก.ต่างประเทศไทย ชี้แจง ก.ต่างประเทศญี่ปุ่น แจ้งคนญี่ปุ่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ได้เจาะจงเฉพาะไทยครับ …"
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ขณะที่ทางกระทรวงการต่างประเทศ เคยออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าวแล้วเช่นกัน ซึ่งตามรายงานของสำนักข่าว INN ระบุว่า นายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบเบื้องต้นกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแล้ว พบว่า
- เป็นการส่งอีเมลนี้ไปยังคนญี่ปุ่นในไทย โดยเป็นคำสั่งที่ได้รับมาจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ระบุที่มาของข้อมูล ทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นไม่ได้ทราบข้อมูลที่มากไปกว่านี้
- กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น สั่งการให้ส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังคนญี่ปุ่นที่อยู่ในภูมิภาคแถบนี้ ไม่ใช่เฉพาะไทย แต่ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในไทย ทราบว่า มีสิงคโปร์ เมียนมา และอินโดนีเซีย ด้วย
ด้านรายงานข่าวของฐานเศรษฐกิจ ระบุว่า ใจความสำคัญของอีเมลฉบับดังกล่าวมีใจความดังนี้
"ขอให้ชาวญี่ปุ่นระมัดระวังการโจมตีหรือการก่อการร้าย โดยเฉพาะการระเบิดพลีชีพตนเองในสถานที่ที่มีคนรวมตัวจำนวนมาก จึงขอให้ดำเนินการตามมาตรการ ดังนี้
1. ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
2. ปฏิบัติตามคำแนะนำและมาตรการของทางการท้องถิ่น หากเกิดเหตุขึ้น
3. เมื่อต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก ให้สังเกตสถานการณ์รอบๆ ตัว หรือใช้เวลาอยู่สถานที่เหล่านั้นให้สั้นที่สุด หากพบว่ามีความน่าสงสัยให้รีบออกจากสถานที่ดังกล่าวโดยสถานที่ที่ควรระมัดระวัง เช่น วัด โบสถ์ มัสยิด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สามารถติดต่อหรือแจ้งข้อมูลได้ที่ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย โทรศัพท์ (66-2) 207-8500, 696-3000 โทรสาร (66-2) 207-8511"
ขณะที่ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า พบว่ามีการแจ้งเตือนจากสถานทูตญี่ปุ่นทั่วทั้งประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย เป็นการแจ้งเตือนตามวงรอบ ไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีการก่อการร้าย ขณะนี้ยังไม่มีการเฝ้าระวังสิ่งใดเป็นพิเศษ และทางเจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามสถานการณ์พร้อมการประสานงานกับหน่วยที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวลและใช้ชีวิตตามปกติ
พ.ต.อ. กฤษณะ ระบุว่า ทางการไทยมีการเฝ้าระวังอยู่แล้ว ทั้งด้านการข่าวฝ่ายความมั่นคง ด้านข่าวกรองและการต่อต้านข่าวกรอง ส่วนการรักษาความปลอดภัยสถานที่ตั้งของสถานทูตรวมถึงสถานที่พำนักของเอกอัครราชทูตหรือเจ้าหน้าที่ทางการทูตในประเทศไทย มีการประสานงานกับตำรวจท้องที่อยู่แล้วก็ดำเนินการควบคู่กันไป รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนด้านข่าวกรองตลอดเวลา
และขณะนี้ไม่ได้ห่วงที่ใดเป็นพิเศษ เนื่องจากการรักษาสถานที่สำคัญและบุคคลสำคัญในประเทศก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสันติบาลร่วมกับตำรวจนครบาลหรือหากมีสถานกงสุล หรือสถานทูตตั้งอยู่ต่างจังหวัดก็มีการประสานกับตำรวจท้องที่อยู่แล้วเช่นกันตรงนี้ไม่เป็นห่วง และพร้อมให้การสนับสนุนทันทีหากมีการร้องขอมา
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ, เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
