แฉ เอเวอร์แกรนด์ บ.ยักษ์ใหญ่ บีบยืมเงินจาก พนง. ผ่านการลงทุน ขู่ตัดโบนัสถ้าไม่ร่วมมือ

            กำลังเป็นที่จับตาทั่วโลก สำหรับสถานการณ์ของ เอเวอร์แกรนด์ (Evergrande) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้สินมากที่สุดในประเทศ ขาดสภาพคล่องอย่างหนักจนติดค้างเงินแก่เหล่าเจ้าหนี้ ซัพพลายเออร์ นักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่ยังมีอพาร์ตเมนต์อีกเกือบ 1.6 พันล้านยูนิต ที่ต้องส่งมอบแก่ผู้ที่ซื้อบ้านไว้แล้วแต่ยังคงสร้างไม่เสร็จ ตลอดจนมีค่าใช้จ่ายค้างชำระอื่น ๆ อีกกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10 ล้านล้านบาท)

            โดยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 เว็บไซต์ Business Standard เผยรายงานอ้างอิงข้อมูลจาก The New York Times ระบุว่า เพื่อจะหาเงินทุนมาหมุนเวียนการดำเนินการของบริษัท เอเวอร์แกรนด์เริ่มออกมาตรการบังคับให้พนักงานของตัวเอง ยอมให้บริษัทยืมเงินผ่านการซื้ออสังหาริมทรัพย์หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ เอเวอร์แกรน์ เวลธ์ (Evergrande Wealth) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการลงทุนของบริษัท หากใครไม่ทำตามอาจถูกตัดโบนัส

            มาตรการนี้เองทำให้เหล่าพนักงานของเอเวอร์แกรนด์ต้องหันไประดมเงินจากครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมถึงเงินเก็บส่วนตัวมาให้บริษัทยืม บางคนถึงขั้นต้องกู้ธนาคาร อย่างไรก็ตามในเดือนกันยายน พบว่าเอเวอร์แกรนด์กลับหยุดจ่ายเงินกู้คืน ทำให้เหล่าพนักงานเองเริ่มเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ซื้อบ้านที่ตื่นตระหนก ออกมาประท้วงเรียกร้องขอเงินคืนจากทางบริษัท

            ด้าน หลิน หยุนทิง ที่ปรึกษาของเอเวอร์แกรน์ เวลธ์ เผยกับ Anhui Online สื่อออนไลน์ที่รัฐเป็นเจ้าของ ยอมรับว่าตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา บริษัทเริ่มมองหาเงินกู้ระยะสั้นและบังคับให้พนักงานของตัวเองเข้ามาแบกรับภาระส่วนนี้ โดยพนักงานของเอเวอร์แกรนด์ทั่วประเทศจีนราว 70-80% ถูกขอให้นำเงินมาลงทุนใน เอเวอร์แกรน์ เวลธ์ หวังนำไปสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้สามารถชำระเงินแก่ซัพพลายเออร์ได้

            ในขณะที่จำนวนเงินและขอบเขตของแคมเปญไม่มีความชัดเจน แต่พนักงานถูกบอกให้ลงทุนเงินจำนวนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ เอเวอร์แกรน์ เวลธ์ มิเช่นนั้นก็จะถูกตัดค่าตอบแทนตามผลงานและโบนัส

            โดยส่วนตัว หลิน หยุนทิง ใช้เงินส่วนตัวไปถึง 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.5 ล้านบาท) และได้นำเงินจากครอบครัวมาร่วมลงทุนอีกร่วม 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.6 ล้านบาท)

            อย่างไรก็ตาม บทสัมภาษณ์ดังกล่าวถูกนำออกไปจากสื่อ Anhui Online เมื่อวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา โดยที่ทางสื่อดังกล่าวไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ

            เป็นระยะเวลา 20 กว่าปีที่เอเวอร์แกรนด์สร้างเสริมความมั่งคั่งและเฟื่องฟูในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเดิมพันไว้กับการเติบโตของกลุ่มชนชั้นกลางและความต้องการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทมักใช้กลยุทธ์ในการปล่อยขายอสังหาริมทรัพย์ล่วงหน้าก่อนจะมีการสร้างเสร็จ จนกระทั่งไม่นานมานี้หน่วยงานกำกับดูแลของจีนเริ่มเข้ามากวดขันตามนโยบายรัฐ บีบให้มีการชำระหนี้ ทำให้บริษัทไม่สามารถกู้เงินเพิ่มได้ ในขณะที่ยังมีหนี้สิ้นมหาศาล ร่วมกับอพาร์ตเมนต์กับอสังหาริมทรัพย์มากมายที่รอการส่งมอบแก่ผู้ซื้อบ้าน แต่ยังคงก่อสร้างไม่เสร็จ

            อย่างไรก็ตามในขณะที่การสั่นคลอนของเอเวอร์แกรนด์ สร้างความกังวลว่าอาจะส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของจีน แต่ขณะนี้ทางการยังไม่ได้เข้ามาแทรกแซงหรือยื่นความช่วยเหลือแต่อย่างใด
 
ขอบคุณข้อมูลจาก Business Standard, ET HR World