ครูอัตราจ้างโรงเรียนบนดอย จ.แม่ฮ่องสอน ป่วยเนื้องอกปีกมดลูก ต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉิน ไม่ได้เขียนใบลา ร้องถูกผู้บริหารโรงเรียนบีบให้ลาออก ถูกตำหนิขาดงานราชการเกิน 15 วัน
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ระบายว่า ตนเป็นครูอัตราจ้าง สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งบนดอย ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ตรวจพบเป็นเนื้องอกปีกมดลูกทั้งสองข้าง และได้มีการผ่าตัดฉุกเฉิน กลับไปทำงานอีกครั้งช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2562 แต่กลับถูกบีบให้ลาออก
วันที่ 22 กันยายน 2564 เรื่องเล่าเช้านี้ เผยสัมภาษณ์ ครูบีม ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันที่ป่วยหนัก กลายเป็นว่าตอนนั้นเธอป่วยฉุกเฉินไม่ได้เขียนใบลางาน ผู้บริหารโรงเรียนแจ้งว่าขาดงานราชการเกิน 15 วัน ถูกตำหนิและถูกบีบให้ลาออก จึงไปลาออกจากต้นสังกัด แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการลาออกได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุจากการป่วยเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับผู้บริหารโรงเรียนอาจถูกตั้งคณะกรรมการสอบ เจ้าหน้าที่จึงยื่นใบลาป่วยให้กรอก พร้อมกับนำใบรับรองแพทย์แนบให้กับผู้บริหารโรงเรียน
ต่อมาเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 ทางโรงเรียนมีการประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างชั่วคราว มีผู้ประเมิน 3 คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการสถานศึกษา คือผู้ใหญ่บ้าน ส่วนกรรมการฯ คนที่ 2 คือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการทั้ง 2 ให้คะแนนผ่านคือ 90 คะแนน รวมได้ 180 คะแนน แต่ผู้บริหารโรงเรียนไม่ยอมให้คะแนน และไม่ยอมเซ็นเอกสารประเมิน ต่อมามีการประเมินรอบ 2 ผู้บริหารโรงเรียนให้คะแนน 57 คะแนน ส่วนคนอื่นให้คะแนน 60 และ 61 ตามลำดับ คะแนนจึงตกเหลือ 59.37 เท่านั้น
ตนจึงไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ต้นสังกัดขอให้ประเมินใหม่ ปรากฏว่าผู้บริหารโรงเรียนได้เสนอครูในโรงเรียนเป็นคณะกรรมการแทนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประกอบด้วยครูใหญ่ เป็นกรรมการคนที่ 1 ผู้ใหญ่บ้านเป็นกรรมการคนที่ 2 และครูในโรงเรียนเป็นกรรมการคนที่ 3 ผลการประเมินออกมาผลคะแนนเหมือนกับการประเมินรอบ 2 ซึ่งคะแนนลอกมาจากคะแนนการประเมินครั้งที่ 2 จึงทำให้ต้องพ้นสภาพจากความเป็นครู จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของครูใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล สำนักเขตพื้นที่การศึกษาฯ ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบ
ที่ผ่านมาตนทำงานด้วยความทุ่มเทเต็มที่ เพื่อให้ความรู้กับเด็ก ตนเรียนจบครูมาต้องการมาให้ความรู้กับเด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง นอกจากนี้ตนยังเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องส่งเสียเลี้ยงดูคนในครอบครัวหลายชีวิต หลังจากออกงานมา 2 ปีกว่า ทำให้คนในครอบครัวต้องอยู่ด้วยความยากลำบาก จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
จากกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ระบายว่า ตนเป็นครูอัตราจ้าง สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งบนดอย ในพื้นที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน โดยเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ตรวจพบเป็นเนื้องอกปีกมดลูกทั้งสองข้าง และได้มีการผ่าตัดฉุกเฉิน กลับไปทำงานอีกครั้งช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2562 แต่กลับถูกบีบให้ลาออก
วันที่ 22 กันยายน 2564 เรื่องเล่าเช้านี้ เผยสัมภาษณ์ ครูบีม ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์วันที่ป่วยหนัก กลายเป็นว่าตอนนั้นเธอป่วยฉุกเฉินไม่ได้เขียนใบลางาน ผู้บริหารโรงเรียนแจ้งว่าขาดงานราชการเกิน 15 วัน ถูกตำหนิและถูกบีบให้ลาออก จึงไปลาออกจากต้นสังกัด แต่ไม่สามารถระบุสาเหตุของการลาออกได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าสาเหตุจากการป่วยเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ ประกอบกับผู้บริหารโรงเรียนอาจถูกตั้งคณะกรรมการสอบ เจ้าหน้าที่จึงยื่นใบลาป่วยให้กรอก พร้อมกับนำใบรับรองแพทย์แนบให้กับผู้บริหารโรงเรียน
ต่อมาเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 ทางโรงเรียนมีการประเมินผลการปฏิบัติงานของลูกจ้างชั่วคราว มีผู้ประเมิน 3 คน ประกอบด้วย ประธานกรรมการสถานศึกษา คือผู้ใหญ่บ้าน ส่วนกรรมการฯ คนที่ 2 คือผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน กรรมการทั้ง 2 ให้คะแนนผ่านคือ 90 คะแนน รวมได้ 180 คะแนน แต่ผู้บริหารโรงเรียนไม่ยอมให้คะแนน และไม่ยอมเซ็นเอกสารประเมิน ต่อมามีการประเมินรอบ 2 ผู้บริหารโรงเรียนให้คะแนน 57 คะแนน ส่วนคนอื่นให้คะแนน 60 และ 61 ตามลำดับ คะแนนจึงตกเหลือ 59.37 เท่านั้น
ตนจึงไปยื่นหนังสือร้องทุกข์ที่ต้นสังกัดขอให้ประเมินใหม่ ปรากฏว่าผู้บริหารโรงเรียนได้เสนอครูในโรงเรียนเป็นคณะกรรมการแทนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ประกอบด้วยครูใหญ่ เป็นกรรมการคนที่ 1 ผู้ใหญ่บ้านเป็นกรรมการคนที่ 2 และครูในโรงเรียนเป็นกรรมการคนที่ 3 ผลการประเมินออกมาผลคะแนนเหมือนกับการประเมินรอบ 2 ซึ่งคะแนนลอกมาจากคะแนนการประเมินครั้งที่ 2 จึงทำให้ต้องพ้นสภาพจากความเป็นครู จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของครูใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล สำนักเขตพื้นที่การศึกษาฯ ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบ
ที่ผ่านมาตนทำงานด้วยความทุ่มเทเต็มที่ เพื่อให้ความรู้กับเด็ก ตนเรียนจบครูมาต้องการมาให้ความรู้กับเด็ก ๆ ในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งการเดินทางเข้าพื้นที่ค่อนข้างยากลำบากระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง นอกจากนี้ตนยังเป็นเสาหลักของครอบครัวต้องส่งเสียเลี้ยงดูคนในครอบครัวหลายชีวิต หลังจากออกงานมา 2 ปีกว่า ทำให้คนในครอบครัวต้องอยู่ด้วยความยากลำบาก จึงอยากร้องขอความเป็นธรรม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3
