ตำรวจอยุธยาพร้อม พม. รุดช่วยคุณยายวัย 74 ถูกลูกสะใภ้ทำร้าย ทั้งแตะทั้งตีจนช้ำไปทั้งร่าง เผยชนวนเหตุมาจากสามีขอเงิน แต่ไม่ยอมกลับบ้าน เลยโมโหมาลงที่แม่
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus เผยคลิปภาพสะเทือนใจเมื่อลูกสะใภ้กระโดดถีบแม่สามีวัย 74 ปี ทั้งตบทั้งตี กระชากหัวแล้วก็ใช้เท้าเหยียบ โดยแม่สามีได้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทำเอาโลกออนไลน์แห่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้สูงอายุ
ล่าสุด (24 กันยายน 2564) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า จากการตรวจสอบทราบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา โดยคนก่อเหตุคือลูกสะใภ้ อ้างว่า ต้นเหตุมาจากที่ตนให้เงินสามีไป 200 บาท ให้ไปเปลี่ยนไฟรถจักรยานยนต์ จากนั้นสามีก็ออกไปแต่ก็หายไปนาน จึงโทรศัพท์ไปถามสามีบอกว่าอยู่การไฟฟ้าให้โอนเงินมาให้ 100 บาท จะแวะซื้อกับข้าวแล้วก็หายไปอีก
แถมต่อมายังส่งข้อความขอเงินเพิ่มอีก 200 บาท ตนจึงเกิดความโมโหและได้ต่อว่าสามีว่าให้เงินไปเท่าไรก็ไม่เคยพอ จึงพูดขู่สามีว่า ถ้าไม่กลับมาบ้านจะทำร้ายแม่สามี แต่สามีก็ไม่ยอมกลับมา ตนจึงทำร้ายแม่สามีตามคลิปโดยไม่มีคนอยู่ในบ้าน จากนั้นก็ส่งคลิปไปให้สามีดู
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าลงมือทำร้ายจริงเพราะเกิดความเครียด ตนเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเลี้ยงครอบครัว สามีไม่ได้ทำงาน ส่วนแม่สามีก็มาอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันมาก่อน ประกอบกับตอนนี้มีหนี้ต้องหาเงินมาใช้หนี้ด้วย ที่ผ่านมาให้โอกาสสามีมาตลอดเพราะความรัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความโมโหต้องการให้สามีกลับมาบ้าน และอยากขอโทษสังคมด้วย
ขณะที่ทาง พ.ต.อ. ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่พร้อมด้วยทีม พม.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พาคุณยายวัย 74 ปี เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ และส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พบมีรอยฟกช้ำตามตัวและแขน
เจ้าหน้าที่ พม. เผยว่า คุณยายมาอาศัยอยู่กับลูกสะใภ้ตั้งแต่ปี 2556 อยู่กันทั้งหมด 6 คน มีคุณยาย ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน แต่ขณะนี้คุณยายอยู่ในสภาวะจิตใจและร่างกายย่ำแย่ และมีโรคประจำตัวเป็นข้อเข่าเสื่อม จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสะใภ้ทำร้ายร่างกาย เพราะเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็ใช้ความรุนแรงแบบนี้
โดยครั้งนั้นทาง พม. ได้เชิญตัวมาพูดคุยทำการบันทึกตกลงว่าจะไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงกับคุณยายอีกแต่เหตุการณ์ก็เกิดซ้ำอีก หลังจากนี้คุณยายตัดสินใจเดินทางกลับไปอยู่กับลูกหลานที่จังหวัดขอนแก่น
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus, เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus เผยคลิปภาพสะเทือนใจเมื่อลูกสะใภ้กระโดดถีบแม่สามีวัย 74 ปี ทั้งตบทั้งตี กระชากหัวแล้วก็ใช้เท้าเหยียบ โดยแม่สามีได้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ทำเอาโลกออนไลน์แห่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้สูงอายุ
ล่าสุด (24 กันยายน 2564) เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า จากการตรวจสอบทราบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา โดยคนก่อเหตุคือลูกสะใภ้ อ้างว่า ต้นเหตุมาจากที่ตนให้เงินสามีไป 200 บาท ให้ไปเปลี่ยนไฟรถจักรยานยนต์ จากนั้นสามีก็ออกไปแต่ก็หายไปนาน จึงโทรศัพท์ไปถามสามีบอกว่าอยู่การไฟฟ้าให้โอนเงินมาให้ 100 บาท จะแวะซื้อกับข้าวแล้วก็หายไปอีก
แถมต่อมายังส่งข้อความขอเงินเพิ่มอีก 200 บาท ตนจึงเกิดความโมโหและได้ต่อว่าสามีว่าให้เงินไปเท่าไรก็ไม่เคยพอ จึงพูดขู่สามีว่า ถ้าไม่กลับมาบ้านจะทำร้ายแม่สามี แต่สามีก็ไม่ยอมกลับมา ตนจึงทำร้ายแม่สามีตามคลิปโดยไม่มีคนอยู่ในบ้าน จากนั้นก็ส่งคลิปไปให้สามีดู
ยอมรับ ให้โอกาสสามีมาตลอดเพราะรัก เหตุเกิดเพราะโมโหสามีไม่กลับบ้าน
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าลงมือทำร้ายจริงเพราะเกิดความเครียด ตนเป็นคนหาเงินเข้าบ้านเลี้ยงครอบครัว สามีไม่ได้ทำงาน ส่วนแม่สามีก็มาอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันมาก่อน ประกอบกับตอนนี้มีหนี้ต้องหาเงินมาใช้หนี้ด้วย ที่ผ่านมาให้โอกาสสามีมาตลอดเพราะความรัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากความโมโหต้องการให้สามีกลับมาบ้าน และอยากขอโทษสังคมด้วย
ขณะที่ทาง พ.ต.อ. ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่พร้อมด้วยทีม พม.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้พาคุณยายวัย 74 ปี เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ และส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล พบมีรอยฟกช้ำตามตัวและแขน
พม. เผย ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสะใภ้ทำร้ายร่างกายแม่สามี
เจ้าหน้าที่ พม. เผยว่า คุณยายมาอาศัยอยู่กับลูกสะใภ้ตั้งแต่ปี 2556 อยู่กันทั้งหมด 6 คน มีคุณยาย ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลาน แต่ขณะนี้คุณยายอยู่ในสภาวะจิตใจและร่างกายย่ำแย่ และมีโรคประจำตัวเป็นข้อเข่าเสื่อม จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสะใภ้ทำร้ายร่างกาย เพราะเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ก็ใช้ความรุนแรงแบบนี้
โดยครั้งนั้นทาง พม. ได้เชิญตัวมาพูดคุยทำการบันทึกตกลงว่าจะไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงกับคุณยายอีกแต่เหตุการณ์ก็เกิดซ้ำอีก หลังจากนี้คุณยายตัดสินใจเดินทางกลับไปอยู่กับลูกหลานที่จังหวัดขอนแก่น
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เจ๊ม้อยv plus, เรื่องเล่าเช้านี้
