กกท. แจงร่วมมือกับ WADA เป็นอย่างดี แต่ติดขัดข้อหนึ่งทำให้โดนแบน เป็นเรื่องการตั้งองค์กรตรวจสารกระตุ้นให้เป็นเอกเทศ ซึ่งจะต้องแก้กฎหมายระดับ พ.ร.บ. คาด จะแก้ปัญหาได้ทันเอเชียนเกมส์ 2022 ส่วนโอลิมปิกฤดูหนาว อาจจะไม่ทัน
จากกรณีที่สื่อต่างประเทศ รายงานว่า ไทย เกาหลีเหนือ และอินโดนีเซีย ถูกแบนจากการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาในระดับภูมิภาค, ระดับทวีป หรือระดับโลก เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎขององค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) อย่างไรก็ตาม นักกีฬายังสามารถลงแข่งขันได้ แต่จะไม่มีการใช้ธงประจำชาติในรายการที่ IOC หรือ WADA เป็นผู้ดูแลจัดการแข่งขัน เหมือนกับที่รัสเซียเคยโดนในโอลิมปิก 2020 ที่ผ่านมา โดยเรื่องนี้ สร้างความสนใจแก่คนไทย เพราะเกี่ยวข้องกันโดยตรง และก่อให้คำถามเกิดขึ้นว่า แล้วกีฬาเอเชียนเกมส์ 2022 ที่ประเทศจีนเป็นเจ้าภาพ ไทยยังคงสามารถใช้ธงชาติไทยได้ไหม ล่าสุด วันที่ 9 ตุลาคม 2564
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา กกท. ให้ความร่วมมือกับ WADA เป็นอย่างดี ทั้งแก้ไขกฎหมายลูก การอัปเดตสารต้องห้ามใหม่ ๆ ที่ถูกห้าม หรือแม้กระทั่งกระบวนการตรวจสารต้องห้าม ก็ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ยังติดในเรื่องหน่วยงานตรวจสารต้องห้าม จะต้องแยกจาก กกท. หน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นอิสระ ถ้าในเชิงปฏิบัติก็หมายถึง WADA ต้องการให้ศูนย์ตรวจสารต้องห้าม มหาวิทยาลัยมหิดล แยกการทำงานออกมาเป็นเอกเทศนั่นเอง ประเด็นตรงนี้ ติดขัดตรงต้องไปแก้กฎหมายใหญ่ คือ พ.ร.บ.สารต้องห้าม ซึ่งตนก็เสนอให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาลทราบแล้ว และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น ได้เสนอให้ ครม. แก้ไขปัญหาต่อไป
ทั้งนี้ จะมีการออกมาเป็น พระราชกำหนดไปก่อน เพื่อนำมาใช้เป็นการเร่งด่วน ส่วนการแข่งขันกีฬาใหญ่ในปีหน้า จะมีโอลิมปิก ฤดูหนาว 2022 (4-20 กุมภาพันธ์) กับ เอเชียนเกมส์ 2022 (10-25 กันยายน) คาดว่า เอเชียนเกมส์ เราน่าจะแก้ปัญหาทันเวลา ส่วนโอลิมปิกฤดูหนาว อาจจะไม่ทัน
