ไฟไหม้โบสถ์วัดปทุมวงษาวาส พระพุทธรูปเสียหายเกือบหมด ส่วนหลวงพ่ออัสนี พระประธาน ตั้งอยู่กว่า 42 ปี มีคราบดำคล้ายน้ำตา เชื่อเกิดเรื่องประหลาดเตือนก่อนเหตุร้าย
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
วันที่ 14 ตุลาคม 2564 รายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานข่าว วานนี้ (13 ตุลาคม) เกิดเหตุไฟไหม้ที่วัดปทุมวงษาวาส อ.ปากพลี จ.นครนายก แต่ปรากฏว่า หลวงพ่ออัสนี พระประธาน ขนาด 50 นิ้ว อยู่ในโบสถ์หลังนี้มานานกว่า 42 ปี มีร่องรอยคล้ายน้ำตาไหลหลังเกิดเหตุไฟไหม้ เป็นภาพชวนประหลาดใจสำหรับผู้ที่ได้พบเห็นอย่างมาก
สอบถาม พระมหาภวัต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวงษาวาส เล่าว่า เมื่อตอนเช้าประมาณ 6 โมง เกิดไฟไหม้ภายในโบสถ์ พระในวัดจึงช่วยกันดับไฟและรีบโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือ ตรวจสอบภายในพบว่าพระที่อยู่ในโบสถ์ส่วนมากได้รับความเสียหายทั้งหมด มีเหลือไม่กี่องค์ที่ไม่เป็นอะไร สังเกตเห็นหลวงพ่อมีสีดำคล้ายกับน้ำตาไหลออกมาอยู่แค่องค์เดียว
สอบถาม พระมหาภวัต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวงษาวาส เล่าว่า เมื่อตอนเช้าประมาณ 6 โมง เกิดไฟไหม้ภายในโบสถ์ พระในวัดจึงช่วยกันดับไฟและรีบโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือ ตรวจสอบภายในพบว่าพระที่อยู่ในโบสถ์ส่วนมากได้รับความเสียหายทั้งหมด มีเหลือไม่กี่องค์ที่ไม่เป็นอะไร สังเกตเห็นหลวงพ่อมีสีดำคล้ายกับน้ำตาไหลออกมาอยู่แค่องค์เดียว
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
หลวงพ่อองค์นี้ยังมีเรื่องประหลาด เพราะตอนที่จะเอามาไว้ในโบสถ์ก็เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าลงมา และเมื่อคืนก่อนจะเกิดเหตุ ได้เกิดฝนตกหนักและฟ้าร้องดังหลายครั้งติดต่อกัน จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นภายในวัด และรุ่งเช้าก็เกิดไฟไหม้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ไฟไหม้คาดว่าเกิดจากพระลืมดับธูปเทียนที่จุดเอาไว้หลังทำวัดเย็น ส่วนความเสียหายตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ด้าน อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายเรื่องนี้ว่า วัสดุที่ใช้ทำดวงตาของพระพุทธรูปเป็นคนละส่วนกับโลหะ ที่ทำพระพุทธรูป เลยอาจจะมีการเผาไหม้ แล้วก็เป็นคราบดำเกิดขึ้น แต่ควรนำมาตรวจสอบในห้องปฏิบัติการให้แน่ใจอีกครั้งว่าคืออะไร
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเด่นเย็นนี้ 
