ความซนเป็นเหตุ เจ้าหนูทำแม่งานเข้า เอาสายล็อกจักรยานคล้องคอแม่ แต่จำรหัสไม่ได้ ล็อกค้างเอาไม่ออก เดือดร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องช่วยกัน ชาวเน็ตซัดไม่ขำ ควรอบรมลูกให้ดี
วันที่ 12 ตุลาคม 2564 เว็บไซต์ออดดิตี้เซ็นทรัล รายงานกรณีที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกออนไลน์ เมื่อคุณแม่ยังสาวรายหนึ่งต้องเดินไปขอความช่วยเหลือจากคุณตำรวจเพราะความซนของลูกเป็นเหตุ โดนเจ้าหนูนำสายล็อกจักรยานมาคล้องคอและล็อกคอแม่ไว้ โดยที่เจ้าตัวจำรหัสปลดล็อกไม่ได้ จนวุ่นวายเดือดร้อนหลาย ๆ คนต้องเข้ามาช่วย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในมณฑลเจียงซู ประเทศจีน โดยอยู่ ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สังเกตเห็นหญิงรายหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับโชคเกอร์หน้าตาประหลาดคล้องอยู่รอบคอ เมื่อมองดูดี ๆ ปรากฏว่ามันไม่ใช่เครื่องประดับ แต่เป็นสายล็อกจักรยานเส้นหนา สีเทาเหลือง
เธอเล่าว่า ลูกชายวัย 4 ขวบได้หยิบสายล็อกจักรยานมาเล่นตอนที่เธอกำลังล้างห้องน้ำอยู่ จากนั้นอยู่ ๆ ลูกก็นำสายมาคล้องคอเธอและล็อกไว้ ตอนแรกเธอก็คิดว่ามันตลกดี เพราะสายล็อกนี้เป็นของเธอเอง แน่นอนว่าเธอย่อมรู้รหัสปลดล็อกอยู่แล้ว
แต่ผู้เป็นแม่ไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วเจ้าตัวแสบได้แอบเปลี่ยนรหัสปลดล็อกไปแล้ว และก็จำไม่ได้ด้วยว่ารหัสนั้นเปลี่ยนเป็นอะไร
“ฉันไม่รู้ว่าลูกเปลี่ยนรหัสไปกี่รอบ ฉันเลยแตกตื่นมาก” แม่กล่าว
เมื่อตำรวจเข้ามาดูตัวล็อก ก็ต้องจนใจเพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก ทำได้แค่ช่วยโทร. ตามคนจากทีมดับเพลิงมาช่วยกันตัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ต้องนำผ้าผืนเล็ก ๆ มาสอดคั่นไว้ระหว่างคอกับสายล็อก ระหว่างพยายามช่วยกันใช้อุปกรณ์ตัดสายล็อกนี้
ตอนที่ต้วล็อกถูกตัดออก หญิงรายนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งนี้ หนึ่งในทีมดับเพลิงบอกเธอว่า “คุณควรพาลูกชายมาที่นี่ด้วย เราจะช่วยสั่งสอนเขาเอง” แต่เธอก็ตอบไปว่าได้ตีลูกจอมซนไปแล้ว ตอนนี้เจ้าหนูหลับอยู่ที่บ้าน
หลังจากเรื่องของเธอปรากฏเป็นข่าวก็กลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ของจีนอย่างรวดเร็ว คนส่วนมากไม่เห็นว่าเป็นเรื่องขำแต่อย่างใด และชี้ว่าคนเป็นแม่ควรสั่งสอนลูกให้รู้จักขอบเขตซะบ้าง ว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้เอง
“นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นชัดเลย ว่าแม่ไม่ได้สั่งสอนลูกให้รู้จักขอบเขต ฉันไม่ขำสักนิดหลังเห็นคลิปนี้” คอมเมนต์หนึ่งระบุ
ขณะที่อีกคนชี้ว่า แม้จะเป็นเรื่องระหว่างแม่และลูก แต่ผู้ปกครองควรอบรมเด็ก ๆ ให้รู้ว่าสามารถพูดหรือทำอะไรได้บ้าง ในเขตของเขา ไม่ควรมาล้ำเส้นแบบนี้
ภาพจาก sohu.com
ขอบคุณข้อมูลจาก ออดดิตี้เซ็นทรัล
