เพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค บุกสถานทูตลาว นำหลักฐานเป็นรายชื่อหมู่บ้าน ภาพถ่ายและคลิปที่ยิงลูกปืนส่องแสงหลอกคนไทยเป็น "บั้งไฟพญานาค" ยืนยันไม่ได้ลบหลู่ แต่เชื่อบั้งไฟพญานาคเกิดจากฝีมือมนุษย์
กลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมา เมื่อเพจเฟซบุ๊ก พิสูจน์บั้งไฟพญานาค ออกมาแฉถึงปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่ผุดขึ้นจากริมแม่น้ำโขงทางภาคอีสานไทย ในวันออกพรรษาเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ตลอดแนวจังหวัดริมแม่น้ำโขงโดยเฉพาะที่ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ซึ่งความเชื่อในเรื่องดังกล่าวได้มีการตั้งคำถามและมีการพิสูจน์มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี
โดยทางเพจ ประกาศว่า จะนำรายชื่อหมู่บ้านที่มีการยิงกระสุนส่องแสงหลอกคนไทยที่อยู่อีกฝั่งโขง ไปยื่นร้องที่สถานทูตลาวประจำประเทศไทย พร้อมระบุว่า พิสูจน์มา 10 ปี ไม่ซ้ำที่ คนยิงก็ยังคงยิงไป คนเฮก็ยังคงเฮไป พบกันที่หน้าสถานทูตลาว วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม เวลา 08.00 น. เพื่อแฉรายชื่อหมู่บ้านลาวทั้งหมด ที่ยิงลูกปืนส่องแสงหลอกชาวหนองคาย บึงกาฬ และชาวไทยทั้งประเทศมาตลอด นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบหาต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงกันต่อไป...ขอความกรุณาท่านทูตลาวได้โปรดรับเรื่องด้วยครับ
จากโพสต์ดังกล่าว ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เรียกว่าแบ่งเป็น 2 ฝ่ายชัดเจนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ด้านคนเชื่อว่าบั้งไฟพญานาคมีจริง ก็ออกมาตอบโต้ให้ทางเพจหาภาพหลักฐานเป็นตัวคนยิงมาให้ได้ อย่ามากล่าวหาลอย ๆ ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเพจให้ตีแผ่ความจริง ก็เข้ามาบอกว่า สุดท้ายต่อให้เราพบความจริง แต่เชื่อว่าจะยังคงมีคนไม่รับความจริงเหล่านั้น เพราะมันเป็นธุรกิจ !
โดยทางเพจ ประกาศว่า จะนำรายชื่อหมู่บ้านที่มีการยิงกระสุนส่องแสงหลอกคนไทยที่อยู่อีกฝั่งโขง ไปยื่นร้องที่สถานทูตลาวประจำประเทศไทย พร้อมระบุว่า พิสูจน์มา 10 ปี ไม่ซ้ำที่ คนยิงก็ยังคงยิงไป คนเฮก็ยังคงเฮไป พบกันที่หน้าสถานทูตลาว วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม เวลา 08.00 น. เพื่อแฉรายชื่อหมู่บ้านลาวทั้งหมด ที่ยิงลูกปืนส่องแสงหลอกชาวหนองคาย บึงกาฬ และชาวไทยทั้งประเทศมาตลอด นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสืบหาต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงกันต่อไป...ขอความกรุณาท่านทูตลาวได้โปรดรับเรื่องด้วยครับ
จากโพสต์ดังกล่าว ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เรียกว่าแบ่งเป็น 2 ฝ่ายชัดเจนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ด้านคนเชื่อว่าบั้งไฟพญานาคมีจริง ก็ออกมาตอบโต้ให้ทางเพจหาภาพหลักฐานเป็นตัวคนยิงมาให้ได้ อย่ามากล่าวหาลอย ๆ ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเพจให้ตีแผ่ความจริง ก็เข้ามาบอกว่า สุดท้ายต่อให้เราพบความจริง แต่เชื่อว่าจะยังคงมีคนไม่รับความจริงเหล่านั้น เพราะมันเป็นธุรกิจ !
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ล่าสุดวันนี้ (25 ตุลาคม) Ch3ThailandNews รายงานความคืบหน้าว่า เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา นายสมภพ ขำสวัสดิ์ แอดมินเพจพิสูจน์บั้งไฟพญานาค นำหลักฐานทั้งหมดมายื่นให้สถานเอกอัครราชทูตลาวประจำประเทศไทย เพื่อสืบหาความจริงแล้ว แต่วันนี้สถานทูตปิด นายสมภพจึงได้ยื่นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้ส่งต่อกับเจ้าหน้าที่สถานทูตในภายหลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วังทองหลาง เข้ามาช่วยดูแลความเรียบร้อย
นายสมภพ กล่าวว่า ทางเพจตรวจสอบและสังเกตการณ์มานาน 10 ปี เก็บรวบรวมข้อมูลมาโดยตลอด ย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 ขณะนั้นยังมีความเชื่อเรื่องบั้งไฟพญานาค ก่อนที่ อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังจะระบุว่า ยังไม่มีใครเคยถ่ายภาพบั้งไฟขึ้นจากน้ำได้เลย จึงพยายามหาหลักฐานจากยูทูบ หรือช่องทางต่าง ๆ เพื่อมายืนยัน แต่ก็หาไม่เจอ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นภาพมืด ๆ และมีลูกไฟขึ้นมาแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามาจากไหนกันแน่
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
กระทั่งถึงวันออกพรรษาในปี 2554 จึงตัดสินใจเดินทางไปดูบั้งไฟพญานาคด้วยตัวเอง โดยใช้กล้อง DSLR เปิดหน้ากล้องไว้นาน ๆ เพื่อให้เห็นลูกไฟเป็นเส้น แต่ภาพที่ถ่ายได้กลับไม่ใช่ลูกไฟขึ้นจากน้ำ แต่ส่วนใหญ่ขึ้นมาจากฝั่งลาวทั้งนั้น โดยลักษณะคล้ายของแข็งและพุ่งขึ้นเป็นเส้นตรง
จากนั้นจึงเริ่มเฝ้าติดตามมาโดยตลอด และเปลี่ยนจุดชมบั้งไฟไปหลาย ๆ จุดหวังว่าจะเจอบั้งไฟขึ้นจากน้ำสักครั้ง โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็นำโดรนมาใช้ถ่ายเพื่อหาหลักฐาน ก็พบว่าคลิปวิดีโอที่บันทึกได้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นลูกไฟที่ปรากฏจากทางฝั่งลาวทั้งสิ้น ซึ่งไม่ใช่การยิงจากริมตลิ่ง แต่ยิงลึกลงไปในน้ำ ส่วนตัวเชื่อว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากฝีมือมนุษย์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก พิสูจน์บั้งไฟพญานาค
นอกจากนี้ได้ตระเวนไปตามหมู่บ้านไทยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงเพื่อพิสูจน์หลายครั้ง ก็พบว่า ฝั่งตรงข้ามของไทยซึ่งเป็นหมู่บ้านลาวมีหลายหมู่บ้านที่เชื่อว่ามีการยิงกระสุนแสง ทำให้เกิดบั้งไฟพญานาค
ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเพื่อนไปถ่ายจากฝั่งลาว ก็ได้ไปอยู่ใกล้กับคนยิงปืนส่องแสง และได้ยินเสียงการยิงกระสุนชัดเจนจึงรีบหนีออกมา โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปวัดอาฮง ใน จ.บึงกาฬ จากการลงพื้นที่ สามารถนับลูกไฟได้ 2 ลูก เป็นลักษณะไฟแดงอมชมพู ซึ่งเกิดขึ้นจากฝั่งลาวเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกระแสต่อต้านก็ไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด เพราะมีการเชิญชวนให้พิสูจน์บั้งไฟพญนาค ตนก็คือคนหนึ่งที่อยากพิสูจน์เช่นกัน และตนก็ไม่ได้ลบหลู่พญานาคแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก พิสูจน์บั้งไฟพญานาค, Ch3ThailandNews