สาวทอมถ่ายคลิปโป๊เปลือยแม่และคนในบ้าน หลังมีคนเสนอแลกเงิน 30,000 สุดท้ายโดนเท จึงไปเปิดรับบริจาค โดนวิจารณ์หนัก แต่แม่ไม่สนคนจะมองอย่างไร บอกอนุญาตเอง
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1
มีการโพสต์เรื่องราวของ นางสาวจินดา อายุ 28 ปี ชาวอำเภอด่านชุนทด
จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่งได้ถ่ายคลิปโป๊เปลือยของแม่และครอบครัวไปขายให้กับคนในโลกออนไลน์
พร้อมทั้งเปิดรับบริจาค เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือครอบครัวของตนเอง
จนเกิดกระแสวิพากวิจารณ์อย่างหนักนั้น
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ล่าสุด (2
พฤศจิกายน 2564) เรื่องเด่นเย็นนี้ รายงานว่า
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาวจินดา
สาวทอมผู้ถ่ายคลิปโป๊ของแม่ที่บ้านหลังหนึ่ง พร้อมเล่าว่า
ตนได้ถ่ายคลิปโป๊ของคนในครอบครัวจริง ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมาโดยมีคนในโลกออนไลน์ ชื่อว่า ประจวบ ซึ่งตนก็ไม่เคยเห็นหน้า ได้ว่าจ้างให้ถ่ายคลิปและเสนอเงินให้ 30,000 บาท หลังจากนั้นนางสาวจินดาก็ได้ถ่ายคลิปของตัวเอง แม่ และเพื่อน รวม 3 คน โดยทุกคนสมัครใจให้ถ่าย และได้ส่งคลิปไปให้กับผู้ว่าจ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินตามที่ตกลงกันไว้
หลังจากเกิดเรื่อง นางสาวจินดารู้สึกเสียใจมาก และไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่ด้วยความจำเป็น เพราะไม่มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว อีกทั้งแม่ก็ไม่แข็งแรง ทั้งนี้ตนอยากขอโทษสังคมที่ทำผิดพลาดไป ส่วนเงินที่ขอบริจาคนั้น ตนได้ขอจริง เนื่องจากช่วงนั้นบ้านประสบภัยน้ำท่วม และไม่มีเงินจึงเปิดรับบริจาค
นางมยุรี อายุ 54 ปี แม่ของนางสาวจินดา เล่าว่า ลูกสาวของตนได้ถ่ายคลิปโป๊เปลือยจริง ซึ่งลูกได้มาขอตนแล้ว ตนก็อนุญาตให้ถ่าย เพราะทราบว่ามีคนมาจ้าง ซึ่งลูกอยากนำเงินมาช่วยทางบ้านก็เท่านั้น ส่วนสังคมจะคิดอย่างไร ตนไม่สน
ขณะที่เพื่อนบ้านเล่าว่า คนในบ้านหลังนี้มีอาการสติไม่ดีกันทั้งบ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การช่วยเหลือและพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ขาดการรักษาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาการยังไม่หายดี ส่วนเรื่องการอยู่การกินก็มีเพื่อนบ้านให้ความช่วยเหลืออยู่เป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปคนปกติมักจะโดนล่อลวงจากคนใกล้ชิด
หรือแม้กระทั่งแฟน จูงใจให้ได้ค่าตอบแทนที่สูง
ซึ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง
ในระยะยาวจะเกิดผลกระทบกับตัวเองและครอบครัวตามมา
เพราะหลักฐานคลิปและภาพถ่ายจะอยู่ในโลกออนไลน์ไปอีกนาน
พร้อมแนะนำว่าเบื้องต้นควรดำเนินคดีก่อนว่าเข้าข่ายหลอกลวงและอนาจารหรือไม่
ก่อนนำไปตรวจสอบว่ามีปัญหาสุขภาพจิตจริงไหม ซึ่งเคสนี้ควรได้รับการดูแล
ภาพจาก เรื่องเด่นเย็นนี้
ทางด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์
ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม
มองว่าการกระทำเช่นนี้ ผู้กระทำมีความผิดแน่นอน ตามมาตรา 287
มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
