หนุ่มเล่าประสบการณ์ โดนบริษัท Top 3 ญี่ปุ่นเลิกจ้างตอนอายุ 45 ทุกอย่างไม่ทันตั้งตัว

          หนุ่มเล่าประสบการณ์ ตกงานตอนอายุ 45 ในยุคโควิด ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที พร้อมฝากข้อคิดให้เป็นอุทาหรณ์ เป็นเรื่องที่พนักงานออฟฟิควัย 40+ ควรรู้ ก่อนที่จะสายเกินไป

หนุ่มเล่าประสบการณ์ โดนบริษัท Top 3 ญี่ปุ่นเลิกจ้าง

          ต้องยอมรับว่า ชีวิตในการทำงานบริษัทเอกชน ถึงแม้จะได้เงินเดือนสูงกว่ารับราชการ แต่ในเรื่องความมั่นคงย่อมมีความเสี่ยงต่างกันมาก เพราะไม่รู้ว่าจะตกงานเมื่อไหร่ แล้วถ้ายิ่งตกงานตอนอายุ 40 ขึ้นไป ยิ่งหางานใหม่ยากแล้ว ถ้าหากใครเจอเรื่องนี้เข้าไป คงเป็นโจทย์ยากของชีวิตที่ต้องหาทางแก้ปัญหากันต่อ

          อย่างกรณีล่าสุด วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 คุณ สมาชิกหมายเลข 3571568 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการโพสต์เล่าเรื่องราวชีวิต เมื่อถูกเลิกจ้างตอนอายุ 45 ปีอย่างไม่คาดคิด โดยหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทำคนที่ทำงานเป็นลูกจ้างหรือพนักงานออฟฟิศ

หนุ่มเล่าประสบการณ์ โดนบริษัท Top 3 ญี่ปุ่นเลิกจ้าง

          เริ่มต้นเจ้าของกระทู้แนะนำตัวว่า เป็นผู้ชาย วัย 45 ปี ไม่มีครอบครัว จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยรัฐบาล และทำงานในธุรกิจประกันวินาศภัยมากว่า 20 ปี หน้าที่หลักของการทำงานคือ ทำงานการขาย ทำแผนการตลาด การออกแบบผลิตภัณฑ์ ฝึกอบรมตัวแทนนายหน้า เป็นแผนกที่เรียกได้ว่า หาเงินเข้าบริษัทก็ว่าได้

          ส่วนบริษัทที่ทำงานด้วยเป็นบริษัทสุดท้ายก่อนถูกเลิกจ้าง ก็เป็นบริษัทระดับ Top 3 ของบริษัทประกันวินาศภัยญี่ปุ่น ตำแหน่งผู้จัดการอาวุโส เงินเดือน 80,000 บาท ทำมานานกว่า 5 ปี

จุดเปลี่ยนของชีวิต เมื่อเข้าสู่ยุคโควิด

          ในยุคโควิด บริษัทส่วนใหญ่ให้ทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ซึ่งถือเป็นคำสั่งที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่แบบพลิกโฉม ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น ไม่ได้ใช้รถ อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นน้อยมาก ดังนั้น เรื่องนี้มันก็ส่งผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง เพราะยอดขายปี 2563 ลดลง 10% แต่รายจ่ายเท่าเดิม อย่างไรก็ดี ถ้าพูดถึงกำไรของบริษัท ก็ยังมีกำไรเพิ่มเป็น 2 เท่าจากปี 2562

          แม้บริษัทประกันจะได้รับผลกระทบ แต่ทางเจ้าของกระทู้ก็มั่นใจว่าคงไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นบริษัทใหญ่ และบริษัทยังคงมีกำไรต่อเนื่อง คงไม่มีการเอาพนักงานออกแน่ ๆ แต่เขาก็คิดผิด...

ถูกเลิกจ้างเพราะ KPI ไม่ผ่านเกณฑ์ แต่มันเป็นแค่ข้ออ้างเอาพนักงานออกหรือเปล่า ?


          จู่ ๆ HR แจ้งว่า เจ้าของกระทู้ถูกเลิกจ้าง เพราะผลงาน KPI ไม่ผ่านเกณฑ์ เรื่องนี้ทำให้เจ้าของกระทู้แปลกใจมาก เพราะ 4 ปีที่ทำงานที่นี่ ผลงานผ่านเกณฑ์ตลอด และโดยทั่วไป หากใครผลงานไม่ผ่านเกณฑ์ จะถูกเรียกคุยและให้ทำแผนปรับปรุงการทำงาน ไม่เคยไล่ออก ถ้าไม่ใช่การทุจริต

          หลังจากนั้น เจ้าของกระทู้ได้พูดคุยกับพนักงานที่ถูกเลิกจ้างเหมือนกัน จนได้ข้อมูลมาว่า เกณฑ์ที่ HR เลือกว่าจะเอาใครออก มีอยู่ 2-3 เกณฑ์ คือ

          1. คนที่ไม่มีคนหนุนหลัง

          2. อายุเยอะ เงินเดือนเยอะ

          3. คนที่เอาออกแล้วสามารถหาคนแทนได้ โดยจ่ายเงินน้อยลง

          ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็เข้าข่าย พอถูกเลิกจ้างวันพฤหัสบดี วันจันทร์มีพนักงานใหม่มาทำงานแทนแล้ว อายุประมาณ 30 ต้น ๆ และเงินเดือนน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

          นอกจากนี้ เจ้าของกระทู้ยังเล่าสิ่งที่น่าเจ็บใจอยู่ 2 เรื่อง นั่นคือ

          1. ก่อนที่จะถูกเลิกจ้าง เจ้าของกระทู้ถูกสั่งให้ทำแผนงานประจำปีแบบเร่งด่วน พอส่งงานไปแล้ว ก็ถูกเลิกจ้างในทันที

          2. การทำงานที่บริษัทนี้ เป็นการกลับมาทำครั้งที่ 2 เนื่องจากเจ้านายชักชวนให้กลับมา เพราะไม่มีใครทำงานนี้ได้ ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็วางแผนไว้อย่างดีว่าจะเกษียณทีนี่ตอนอายุ 55 ปี คงไม่ย้ายบริษัทไปที่ไหนอีกแล้ว สุดท้ายถูกเลิกจ้างก่อนเกษียณ 10 ปี

          3. ก่อนจะเซ็นยอมรับการเลิกจ้าง ผู้บริหารบอกว่า สาเหตุที่เลิกจ้างเป็นเพราะ ผมไม่ใช่ดาวรุ่งของบริษัทอื่นต่อไป และพยายามช่วยเต็มที่แล้ว แต่ช่วยไม่ได้ และการให้เหตุผลในเอกสารเลิกจ้าง คือ "เลิกจ้างเพราะมีการปรับโครงสร้างจากปัญหาโควิด"

เงินชดเชยก็ได้นิดเดียว แผนทุกอย่างล้มหมด

          จำนวนเงินชดเชยที่ได้รับ ก็เป็นอัตราขั้นต่ำตามกฎหมายกำหนด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า พนักงานคนนี้อยู่บริษัทมากี่ปี หรือมีผลงานอะไรมาก่อน พอได้เงินก้อนนี้มา ก็เอามาจัดแจงแบ่งสันปันส่วนเป็นค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ บัตรเครดิต ประกันชีวิต และยังมีเงินประกันว่างงานมาช่วยชีวิตได้หลายเดือน แม้จะไม่มาก แต่ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แผนที่เคยวางไว้ในอนาคตก็ต้องล้มหมด

          เรื่องหางานใหม่ก็พูดยาก เพราะบริษัทอื่น ๆ ก็อยู่ในช่วงรัดเข็มขัดกันหมด และจะไม่รับคนที่อายุเกิน 40 ปี อีกทั้งตำแหน่งของเจ้าของกระทู้ที่อยู่ในบริษัทเก่า ก็เป็นระดับกลาง ๆ ถ้าจะไปทำงานตำแหน่งต่ำกว่า บริษัทก็ไม่รับ ถ้าจะไปทำงานตำแหน่งสูงกว่าเดิม ก็ไม่ได้ ตอนนี้อยากทำงานมาก ต่อให้ได้เงินเดือน 30,000 - 40,000 บาทก็ยอม

สิ่งที่อยากจะฝากถึงคนรุ่นใหม่

          - ถ้าไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง หรือเป็นงานวิชาชีพเช่น หมอ วิศวะ ไอที การถูกเลิกจ้างมักมาได้แบบไม่ทันตั้งตัว วันนั้นที่ถูกเลิกจ้าง ไม่มีเวลาไปร่ำลาใคร เดินจากห้อง HR ก็กลับมาเก็บของส่งคืนโน้ตบุ๊กให้บริษัท ลบไฟล์งานทิ้งเพราะไม่มีประโยชน์ที่ต้องเก็บไว้

          - คนเราควรมีอาชีพสำรองตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าใครยังไม่มีก็ให้รีบหา

          - อย่ารังเกียจอาชีพค้าขาย ถ้าที่บ้านมีร้านค้าหรือมีกิจการส่วนตัวแล้ว เมื่อทำงานระดับหนึ่งก็กลับไปพัฒนาธุรกิจที่บ้านได้ ดีกว่าเป็นลูกจ้างตลอดไป

          - รายรับไม่สำคัญเท่าเงินเหลือ ควรเริ่มเก็บเงินตั้งแต่ทำงาน เมื่อมีเงินเอาไปลงทุนอะไรก็ได้ ถ้าไม่มีก็ลงทุนต่อไม่ได้

          - การเมืองในบริษัทไม่แน่นอน ถ้าสายที่ตัวเองสังกัดมีอำนาจ มีตำแหน่งก็อาจสบายใจ แต่ทุกอย่างไม่แน่ไม่นอนเสมอ หลังจากนี้สถานการณ์อาจพลิกได้

          - หน้าที่การงานดี การศึกษาดี ไม่ได้การันตีอนาคต ยกตัวอย่างเช่น นักบินยังตกงานในยุคโควิดได้เลย และโชคร้ายกว่าพนักงานออฟฟิคที่คงหางานลำบากกว่ามาก

          - คนที่อายุเริ่มเข้า 40 แต่ยังไม่ได้เป็นหัวหน้างานได้ ถ้าหากต้องถูกเลิกจ้าง มีความเสี่ยงที่จะโดนสูง เพราะบริษัทส่วนใหญ่ไม่เอาหัวหน้างานออก เพราะมีความสำคัญกับบริษัท และเป็นอีกสาเหตุที่หัวหน้ามักเก็บงานสำคัญไว้กับตัวเองมากที่สุด ไม่กระจายงานให้ลูกน้องทำ เพื่อให้บริษัทเห็นว่า ขาดตัวเองไม่ได้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หนุ่มเล่าประสบการณ์ โดนบริษัท Top 3 ญี่ปุ่นเลิกจ้างตอนอายุ 45 ทุกอย่างไม่ทันตั้งตัว อัปเดตล่าสุด 10 พฤศจิกายน 2564 เวลา 16:13:35 39,607 อ่าน
TOP
x close