เปิดใจลุงตระเวนถ่ายรูปคนทำผิดกฎจราจร ทำไปทำมา 4 ปี ได้เงินกว่า 1 ล้านบาท แค่มีกล้องอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วย บอกเลยว่าโปรมาก พร้อมชวนคนอื่นมาทำเยอะ ๆ เพื่อให้บ้านเมืองมีคนเคารพกฎ
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีกฎหมายข้อหนึ่งที่เคยเป็นข่าวออกผ่านทางหน้าสื่ออยู่ นั่นคือเรื่อง การแจ้งความเอาผิดคนทำผิดกฎจราจร ถ้าคนคนนั้นมีการทำผิดจริง เราจะได้เงินค่าปรับเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งด้วย อย่างไรก็ตาม ก็คงไม่มีใครคิดว่า มีคนคนหนึ่งที่ทำแบบนี้จนได้เงินส่วนแบ่งค่าปรับรวมกันกว่า 1 ล้านบาท
ล่าสุด วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ข่าวช่องวัน เดินทางไปสัมภาษณ์นายเอ (นามสมมติ) นักล่าค่าปรับคนดังกล่าว ซึ่งนายเอก็นั่งรถไปพร้อมกับผู้สื่อข่าว เพื่อดูสภาพการจราจรพร้อมกับชี้จุดที่มีคนผิดกฎหมายไปพร้อม ๆ กัน สิ่งที่น่าตกใจคือ ภายใน 1 กิโลเมตร นายเอสามารถชี้รถที่ทำผิดกฎหมายได้ถึง 30 คัน ส่วนใหญ่ทำผิดกฎจราจรในเรื่องการจอดรถบนทางเท้า ซึ่งมีค่าปรับอยู่ที่ 5,000 บาท และเงินที่จะได้จากค่าปรับเพียงแค่ 1 กิโลเมตร จะได้ราว ๆ 30,000 บาท
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
นอกจากนี้ นายเอยังเล่าถึงวิธีการทำด้วยว่า การที่จะทำแบบนี้ได้จะต้องมีอุปกรณ์ที่พร้อม อย่างแรกคือ กล้องแอบถ่ายคุณภาพสูง เพื่อที่จะถ่ายเห็นป้ายทะเบียน ยี่ห้อรถ รุ่นรถ สีรถ ได้อย่างชัด ๆ โดยในมือจะกำปุ่มนี้ตลอดเวลา ถ้าเห็นก็กดเลย หลังจากนั้นภาพจะส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ เพื่อพรินต์จากพรินเตอร์ที่พกพาเอาไว้ แล้วเอาไปแจ้งความ
ส่วนใหญ่คนที่ทำผิดกฎหมาย จะทำผิดตาม พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ศ. 2535 เมื่อแจ้งความเสร็จ ตำรวจก็ทำตามขั้นตอน ออกหมายเรียกให้มาเสียค่าปรับ แล้วเราก็จะได้เงินค่าปรับมาครึ่งหนึ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายเอทำแบบนี้ ถือว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือเปล่า นายเอตอบว่า ต้องมองมุมกลับว่า คนเหล่านี้ก็ทำผิดกฎจราจร อยากจะให้บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ต้องทำให้ถูกกฎหมาย
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
นอกจากนี้ นายเอ ยังยอมรับตรง ๆ ว่า ที่ทำไปคือ "เงินเป็นหลัก แล้วก็อยากให้ประชาชนทุกคนออกมาทำแบบนี้ด้วย พบเห็นการกระทำผิด ถ่ายภาพ แล้วเอาไปแจ้งกับพนักงานสอบสวนเพื่อเงินรางวัล"
พร้อมกันนั้น ยังยืนยันว่า ตนเป็นพลเมืองดี เพราะทำให้บ้านเมืองมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ยอมรับว่า เรื่องนี้จะมองข้ามก็ได้ ตนทำแบบนี้มานานกว่า 4 ปี ดำเนินคดีไปกว่า 980 คดี แจ้งความตามโรงพักกว่า 60 โรงพัก และได้เงินรางวัลมากกว่า 1 ล้านบาท
