ดราม่าไลน์หมู่บ้าน เล่นดนตรีรำคาญ ลามด่ากันเรื่องอื่น ผิดไหมที่เสียงดัง โดนสาปทั้งที่ไม่ถึง 4 ทุ่ม ?!

 
             หนุ่มแชร์ไลน์กลุ่มหมู่บ้าน ไม่ได้สวยงามเหมือนทุ่งลาเวนเดอร์ หลังมีบ้านเล่นดนตรีจัดปาร์ตี้เสียงดัง แต่เวลาที่เสียงดังยังไม่ถึง 4 ทุ่ม ทุกคนในไลน์หมู่บ้านรุมสกรัม ลามไปด่ามั่วซั่วเรื่องอื่น ๆ ด้านโซเชียลไม่เข้าข้างวิจารณ์ยับ บอก บ้านถูกเราไม่จำเป็นต้องทำตัวถูกนะคะ

             โดยข้อความในไลน์กลุ่มหมู่บ้านที่หนุ่มคนนี้เผยออกมา เป็นบทสนทนาตอบโต้กันเรื่องเล่นดนตรีเสียงดังในยามวิกาล ซึ่งบ้านที่ออกมาเตือนได้ขอความร่วมมือ ให้บ้านของหนุ่มคนนี้ ลดเสียงดนตรีลงหน่อย เพราะเสียงดังไปถึงท้ายหมู่บ้าน ขณะที่ทางหนุ่มโต้กลับไปว่า ที่บ้านกินกันเงียบ ๆ ไม่ได้ขี้เมาแหกปากโวยวาย และเวลายังไม่ดึกมาก ถึงเวลา 4 ทุ่ม เดี๋ยวตนเบาเองเพราะมีมารยาทเหมือนกัน โดยรายละเอียดมีดังนี้

ตัวละคร

             บ้านเล่นดนตรี : บ้านที่เล่นดนตรีสังสรรค์กันในยามวิกาล ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
             บ้านสาว : บ้านที่หัวร้อนรำคาญบ้านเล่นดนตรี และขอร้องให้เกรงใจคนอื่น
             บ้านเผือก : บ้านที่เข้ามาร่วมแจมวงสนทนา ลามไปด่าถึงเรื่องอื่น ๆ
ผู้จัดการหมู่บ้าน

 หนุ่มปาร์ตี้ถึง 3 ทุ่ม โดนบ้านสาวด่าเกรงใจและหัดมีมารยาทบ้าง คนจะหลับจะนอน ฟาดปากกันเมามัน

             เหตุการณ์เกิดขึ้น ณ คืนวันอังคารหนึ่ง เวลา 20.55 น. คือ บ้านเล่นดนตรี คาดว่ามีการสังสรรค์ปาร์ตี้ เล่นดนตรีกันจนดึกดื่น และนั่นทำให้ชาวบ้านละแวกนั้นรำคาญ จึงทำให้บ้านสาว เข้ามาร้องเรียนในไลน์กลุ่มของหมู่บ้าน และบอกว่าถ้าอยากเล่นดนตรีก็ควรไปห้องซ้อม คนแถวนี้ต้องการความสงบ ทำให้บ้านเล่นดนตรีไม่พอใจ เพราะมองว่าตัวเองทำตามกฎ คือเสียงดังไม่เกิน 22.00 น. เกิดการฟาดปากปะทะคารม และถามว่าอยู่ซอยไหน เสียงดังแค่ไหน  บ้านสาวจึงบอกว่า ดนตรีที่คุณเล่น ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะชอบกันหมด ควรมีความเกรงใจ ลูกเล็กเด็กแดงอยากนอนก็ไม่ได้นอน และยิ่งทำให้บ้านเล่นดนตรีโมโหแรง และบอกให้บ้านสาวไปอยู่บ้านเดี่ยวแทน บ้านราคาล้านกว่าบาทก็ได้เท่านี้ อย่ามาอีโก้เกินตัว ไม่อย่างนั้นก็ไปปลูกบ้านกลางทุ่งนา บ้านสาวเลยบอกว่า "บ้านถูกไม่จำเป็นต้องทำตัวถูกถูก"

จากศึก 2 บ้านลามไปบ้านอื่น ลามด่าถึงไม่มีนิติหมู่บ้าน แล้วจะอยู่กันยังไง

             จากนั้นเรื่องนี้ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เมื่อเช้าวันพุธเวลา 06.06 น. ก็มีบ้านหลังอื่นสมทบในวงสนทนา โดยบ้านเผือกถึงขั้นไล่ไปหาที่อยู่ใหม่ รวมถึงลูกบ้านคนอื่นก็เริ่มแท็กหาเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้จัดการหมู่บ้าน  ว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ลูกบ้านต้องมาเคลียร์กันเอง ผู้จัดการหมู่บ้านที่ได้รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ควรจะมีมาตรการอะไรที่เป็นรูปธรรม ซึ่งผู้จัดการหมู่บ้านก็โพสต์ถึงจุดประสงค์ของการตั้งไลน์กลุ่ม และบ้านเผือกก็ลามไปพูดถึงเรื่องที่หมู่บ้านไม่มีนิติบุคคล พอมีเรื่องกระทบกระทั่งกันของลูกบ้าน ก็ไม่มีคนกลางมาไกล่เกลี่ย เรื่องเลยบานปลายไปเรื่อย ๆ และผู้จัดการหมู่บ้านก็จัดการไม่ได้

            จากนั้น เรื่องราวก็ไม่ได้โฟกัสที่แค่บ้านหลังเดียวเล่นเพลงเสียงดัง แต่กลายเป็นเรื่องของการตั้งนิติบุคคลของหมู่บ้านให้มาดูแลความเรียบร้อย แต่ผู้จัดการบอกว่า จะมีนิติบุคคลได้ก็คือช่วงต้นปีหน้า ตอนนี้บ้านยังขายไม่หมด ยังมีไม่ได้ ลูกบ้านก็แย้งว่าบ้านขายได้ถึง 88% แล้ว ทำไมยังไม่จัดตั้งนิติบุคคลอีก และบ้านเล่นดนตรีก็เสริมว่า ถ้าอยากเตือนอะไรตนก็พร้อมรับฟัง ไม่ใช่มาคุยแบบผีไม่มีตัวตน บางวันนั่งกินข้าว 2-3 คนเจอคนแจ้งความให้ตำรวจมาดู และจบที่ผู้จัดการหมู่บ้านบอกว่า ขอความร่วมมือไม่ให้ส่งเสียงดังตั้งแต่ 22.00 น. เป็นต้นไป

ชาวเน็ตชี้ เรื่องแบบนี้ควรเกรงใจกัน ไม่ต้องให้ถึง 4 ทุ่ม ก็ควรจะรู้เวลา

             ทั้งนี้ ด้านความเห็นของชาวเน็ต บอกว่า ปัญหาเรื่องบ้านเสียงดังแทบจะเป็นปัญหาสุดคลาสสิกสำหรับคนอยู่หมู่บ้าน และแก้ได้ยากมาก ส่วนใหญ่เห็นใจบ้านที่ออกมาเตือน และมองว่าบ้านเล่นดนตรีผิดแถมไม่ยอมรับผิด ทั้งที่เล่นดนตรีเสียงดังแถมยังไล่ให้คนอื่นขายบ้านไปอยู่กลางทุ่งนาอีก บ้างก็มองว่าเรื่องแบบนี้ไม่ต้องรอถึงเวลา 22.00 น. ก็ควรมีความเกรงใจสามัญสำนึกต่อส่วนรวมกันบ้าง บางคนก็บอกว่าแม้กระทั่งบ้านเดี่ยวก็เจอปัญหา บางคนก็บอกว่าเสียงดนตรีดังก็ดังเฉพาะกลางคืน แต่เสียงเด็กร้องนี่สิ น่ารำคาญกว่าเยอะและดังตลอดทั้งวัน
    
             ขณะที่บางคนมองว่า ปัญหามีอยู่ทุกหมู่บ้าน เป็นเรื่องปกติ ซึ่งแต่ละหมู่บ้านก็จะมีคนจำพวกหนึ่งที่คุยด้วยเหตุผลกับหลักฐาน กับอีกพวกหนึ่งที่ใช้อารมณ์และความเชื่อเป็นที่ตั้ง แต่คนแบบนี้มีไม่เยอะแค่ 5-10% เท่านั้น คำถามคือคนอีก 90-95% จะแก้ปัญหาอย่างไร ให้คนเหล่านี้ไม่ก่อเรื่องก่อราว