ภรรยาทนายตั้ม ขอพูดถึงลุงพล
งงปล่อยเอฟซีเข้าใจผิดว่าจ่ายค่าทนายเยอะ ทั้งที่เข้าช่วยแบบฟรี ๆ
ช่วงกำลังขาลง พ้อบางงานเสียทั้งเงินเสียทั้งใจ ล่าสุดทนายตั้มประกาศถอนตัวแล้ว
จากกระแสข่าวของ ลุงพล ผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่
ที่ต้องต่อสู้หลายคดี ซึ่งต่อมาได้มี ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด
เข้ามาช่วยเหลือด้านกฎหมาย
โดยเหตุที่รับงานนี้เนื่องจากมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือลุงพล
ยืนยันว่าเข้ามาทำคดีให้โดยไม่คิดเงินแต่อย่างใดนั้น
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนความแน่นแฟ้นระหว่างทนายตั้ม กับ ลุงพล อาจจะเริ่มมีรอยร้าวแล้วหรือไม่ เมื่อกรณีวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 กลุ่ม FC. ทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เผยข้อความจากภรรยาทนายตั้ม หลังเริ่มถูกเอฟซีลุงพลเข้าใจผิด คิดว่าทนายตั้มได้เงินจากคดีนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่เข้าไปช่วยแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ซ้ำยังเข้าช่วยไปช่วยลุงพลแม้กำลังขาลง แต่พอตอนนี้ถูกถามเรื่องค่าทนายกลับอำอึ้ง ไม่ชัดเจน ทั้งที่ควรจะปกป้องคนที่เข้ามาช่วยเหลือ แนะจะคบหากันต้องจริงใจก่อนอันดับแรก พ้อบางงานทำไปเสียทั้งเงินเสียทั้งใจ
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนความแน่นแฟ้นระหว่างทนายตั้ม กับ ลุงพล อาจจะเริ่มมีรอยร้าวแล้วหรือไม่ เมื่อกรณีวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 กลุ่ม FC. ทีมงานทนายประชาชนฯ ได้เผยข้อความจากภรรยาทนายตั้ม หลังเริ่มถูกเอฟซีลุงพลเข้าใจผิด คิดว่าทนายตั้มได้เงินจากคดีนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่เข้าไปช่วยแบบไม่คิดค่าใช้จ่าย ซ้ำยังเข้าช่วยไปช่วยลุงพลแม้กำลังขาลง แต่พอตอนนี้ถูกถามเรื่องค่าทนายกลับอำอึ้ง ไม่ชัดเจน ทั้งที่ควรจะปกป้องคนที่เข้ามาช่วยเหลือ แนะจะคบหากันต้องจริงใจก่อนอันดับแรก พ้อบางงานทำไปเสียทั้งเงินเสียทั้งใจ
มาปีนี้ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้นัดคดีได้ยาก วันนัดจึงตรงกับวันเกิดเรา เราอยู่ด้วยพอดี สามีหันมาถามว่าได้ไหม ? (ต้องไปทำงาน) เราพยักหน้า เพราะเรารู้ว่าสำหรับทนายตั้ม งานสำคัญที่สุด เราเข้าใจได้ เราต้องเสียสละปล่อยให้สามีไปทำงาน แต่ในใจลึก ๆ ก็มีนิดหนึ่งว่า ปีนี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ อันนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่สิ่งที่จะพูดคือ ทนายตั้มเนี่ยทำงานด้วยใจนะ ใจเป็นหลัก
ซึ่งทนายตั้มไม่เคยท้อ ก็เดินหน้าทำหน้าที่ทนายตัวเองไป แต่ถ้าใจมันได้ว่าทางลุงพลเต็มที่กะเรา ปกป้องทนายตั้มจากมลพิษทางโซเชียลบ้างน่าจะเป็นการดีนะ ไม่ใช่ว่ามีคำถามไม่รู้จบเกี่ยวกับว่า ทนายตั้มได้เงินทำคดีนี้เยอะ เพราะน่าจะดูจากความทุ่มเทของทนายอะนะ ก็ปล่อยให้เขาพูดเขาว่า เขามีคำถามคาใจ ทั้งที่ลุงกับป้ารู้ดีที่สุดว่าให้ หรือไม่ให้เงินเรามา ทำให้เรื่องเงินมาเป็นประเด็นสำคัญกว่าการที่ทนายลงมาช่วยป้ากับลุงด้วยใจนี่นะ พอคนถามลุงจะตอบไม่ได้ และก็พูดอะไรจับใจความสำคัญไม่ได้เลย แต่มีบอกนะ ทุกอย่างในโลกต้องใช้เงินทั้งนั้นแหละ กำกวม ๆ
เอองง ใช่ค่ะ ไปทำคดีทุกครั้งขับรถไปเติมน้ำมันค่ะ ใช้ใจไปขอเขาเติมก็ไม่ได้ แต่เราก็ทำ ทำเพื่ออะไรก็ไม่รู้เลยค่ะเนี่ยงงไปหมดแล้ว ลุงโยนให้มาถามทนายตั้มเอง บอกว่า "ตามที่ทนายตั้มตอบ อย่ามาถามผม" อ้าว เรื่องแบบนี้มาให้เราตอบทางเดียวได้ยังไงล่ะ นี่คือคำตอบคือก็งง เป็นเราก็คิดว่าให้เงินมาแต่ไม่กล้าบอกว่าให้ทำนองนั้น เพราะดูมันพูดยากมากกกก ยากจริง ๆ แค่บอกว่าไม่ให้เงินทนายตั้ม เป็นชั่วโมงยังพูดออกมาไม่ได้
คนเราจะคบหากันมันต้องชัดเจน ต้องจริงใจก่อนอันดับแรก เป็นเราถ้าคนที่ยื่นมือมาช่วยเราโดนคนทางเราหรือเอฟซีของเราเข้าใจผิดแม้แต่น้อยในทางไม่ดี เราจะรีบปกป้องและเคลียร์ความจริงให้กระจ่างโดยเร็วที่สุดไม่รีรอ เพราะนี่เป็นการแสดงความจริงใจโดยไม่ต้องใช้เงินทองใด ๆ ใช้ใจใช้ความรู้สึกได้เลย คุณว่ามันคุ้มค่ากับความเหนื่อยความเสียสละของเราไหม
ในฐานะหลังบ้านทนายตั้ม ขอออกมาปกป้องสามีนะคะ เราไม่เคยได้เงินจากคดีลุงพลและดิฉันไม่เคยยุ่งวุ่นวายในโลกโซเชียล นี่เป็นข้อความแรกข้อความเดียวจากหลังบ้านทนายตั้ม และบอกตรงนี้เลยนะคะว่าไม่เคยมีนามแฝงเป็นใครทั้งสิ้นค่ะอย่าเลอะเทอะ ดิฉันกล้าพอที่จะพูดความจริงทั้งหมดอย่างเช่นวันนี้ ไม่มีมาพูดวกวนปล่อยให้คนคิดไปเอง ปล่อยให้พูดกันไปมั่ว ๆ จนเรื่องราวมันบานปลายขนาดนี้ #บางงานทำก็ได้ทั้งเงินทั้งใจ #บางงานทำไปเสียทั้งเงินเสียทั้งใจจริง ๆ
ล่าสุด (28 พฤศจิกายน 2564) ทนายตั้ม โพสต์ผ่านเพจระบุว่า "วันนี้ผมและทีมทนาย ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทนายคดีลุงพลแล้วนะครับ เนื่องจากความคิดเห็นไม่ตรงกัน แต่ไม่ได้มีปัญหาหรือผิดใจอะไรกัน สิ่งหนึ่งที่ผมเงียบมาตลอด และปล่อยให้สังคมพูดกันไปโดยแทบไม่มีใครปกป้องคือ ในการทำคดีนี้ ผมไม่ได้รับเงินเพื่อช่วยทำคดีแต่อย่างใด ทำด้วยใจล้วน ๆ แต่มาถึงวันนี้ผมขอใช้เวลาของผมไปทำคดีให้กับคนที่เห็นคุณค่าดีกว่า และขอให้ลุงพลและป้าแต๋นโชคดีครับ"