ชายหวนเจอเมียเก่าในสภาพสุดเลวร้าย ปวดใจป่วยไตวายระยะสุดท้าย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เลือกจะขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้ง ยืนยันจะอยู่ดูแลชั่วชีวิต
ในขณะที่คู่แต่งงานมักเอ่ยคำสาบานจะขออยู่เคียงข้างกันไม่ว่ายามดีหรือยามร้าย เจ็บไข้หรือสบายดี แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำตามคำสาบานที่เคยกล่าวไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับ เฉิน เจิ้นเฟิง ชายวัย 39 ปีจากมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เขายังคงยึดมั่นในคำพูดของเขาเสมอ แม้จะมีเหตุที่ทำให้ต้องแยกจากภรรยา แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลับมาหาเธอ เพื่อขอดูแลเธอไปจนชั่วชีวิต
โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เฉิน เจิ้นเฟิง ตัดสินใจที่จะขอภรรยาเก่าแต่งงานอีกครั้ง หลังจากทราบว่าเธอกำลังทุกข์ทรมานด้วยภาวะยูรีเมีย ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นในขณะที่เธอป่วยเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้คอยอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด ในขณะที่ฝ่ายภรรยาเก่าพยายามปฏิเสธเพราะไม่อยากเป็นภาระ แต่สุดท้ายความทุ่มเทและมุ่งมั่นของเขาก็ทำให้เธอยอมแพ้จนได้
สำหรับ เฉิน เจิ้นเฟิง กับ เซี่ย หงเซีย ได้พบรักกันเมื่อ 9 ปีก่อน ขณะที่เขากับเธออายุ 30 และ 26 ปี ทั้งคู่ตกหลุมรักและตกลงปลงใจแต่งงานหลังเจอกันได้เพียง 2 เดือน จากนั้นก็พยายามใช้ชีวิตสร้างครอบครัวด้วยกันมา อย่างไรก็ตามความผูกพันของทั้งคู่ต้องเจอกับบททดสอบ หลังจากที่ เซี่ย หงเซีย ได้แท้งลูกถึง 2 ครั้ง และความเครียดก็เริ่มทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง และตัดสินใจหย่ากันในปี 2562
แต่แล้วอีก 2 ปีต่อมา เฉิน เจิ้นเฟิง ที่ยังคงคิดถึงอดีตภรรยา ตัดสินใจติดต่อไปหาเธออีกครั้งเพื่อถามไถ่ความเป็นอยู่ กระทั่งทราบว่าเธอต้องเข้าโรงพยาบาลจากภาวะยูรีเมีย จึงตัดสินใจไปเยี่ยมเธอ ในตอนนั้นเองที่ เฉิน เจิ้นเฟิง ทราบว่าอดีตภรรยายังไม่แต่งงานใหม่ และเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าที่อ่อนล้าของเธอ เขาก็ตัดสินใจจะขอให้เธอกลับมาเป็นภรรยาอีกครั้ง
แต่ เซี่ย หงเซีย ปฏิเสธคำขอนั้น เพราะเธอทราบดีว่าตัวเองกำลังป่วยหนักจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เธอไม่อยากเป็นภาระแก่เขาให้ต้องมาคอยดูแลและรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล แต่ เฉิน เจิ้นเฟิง ยังคงยืนกรานจะขออยู่ดูแลเธอ และจะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดการเดินทางครั้งนี้
เฉิน เจิ้นเฟิง เผยว่าด้วยความอุทิศตัวของเขา ทำให้ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ และแต่งงานกลับมาเป็นภรรยาของเขาอีกครั้งจนได้
ในตอนนี้ เฉิน เจิ้นเฟิง ยังคงทำหน้าที่ดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิด คอยบีบนวดและป้อนยากับอาหารให้เธอ รวมถึงยินดีจะสละไตของเขาให้ หากผลการตรวจยืนยันว่าอวัยวะของเธอสามารถเข้ากับเธอและทำการผ่าตัดปลูกถ่ายแก่เธอได้ เพราะนั่นเป็นหนึ่งในความหวังไม่กี่ทางที่จะช่วยยื้อชีวิตภรรยาของเขา ที่ต้องทุกข์ทนในช่วงที่อาการของโรคทรุดอย่างรวดเร็ว
ด้วยผลกระทบจากโรค ทำให้ตาของ เซี่ย หงเซีย เริ่มมองเห็นได้ไม่ชัดแล้ว แม้แต่ตอนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์เธอก็ยังไม่สามารถแยกเพศของอีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายสามีกล่าวว่า "ต่อให้คุณจะมองไม่เห็นอีกแล้ว ผมก็ยังเป็นดวงตาให้คุณได้"
"อย่าร้องไห้ไปเลย ผมยินดีจะสละไตของผมให้ข้างหนึ่ง แม้นั่นอาจจะทำให้ผมมีชีวิตสั้นลงสักไม่่กี่ปี และทำให้คุณสามารถมีชีวิตอยู่นานขึ้นได้" เฉิน เจิ้นเฟิง กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความมุ่งมั่นตอนก็ต้องยอมรับว่าค่ารักษาพยาบาลของฝ่ายหญิงนั้นไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลย โดย เฉิน เจิ้นเฟิง เล่าว่าตอนนี้ภรรยาของเขาต้องฟอกไต้และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 6,000 หยวน (ราว 31,000 บาท) และหากเธอสามารถเข้ารับการปลูกไตได้ แพทย์ประเมินแล้วว่าจะต้องใช้เงินมากกว่า 800,000 หยวน (ราว 4.2 ล้านบาท) ซึ่งตอนนี้คู่สามีภรรยาอยู่ระหว่างเตรียมตัวหาไตที่จะเข้ากับ เซี่ย หงเซีย ได้ ท่ามกลางคำอวยพรจากผู้คนที่ทราบข่าว รวมถึงหน่วยงานในท้องถิ่นที่ยื่นมือช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทั้งคู่ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก เวิลด์ออฟบัซ, 163
ในขณะที่คู่แต่งงานมักเอ่ยคำสาบานจะขออยู่เคียงข้างกันไม่ว่ายามดีหรือยามร้าย เจ็บไข้หรือสบายดี แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำตามคำสาบานที่เคยกล่าวไว้ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับ เฉิน เจิ้นเฟิง ชายวัย 39 ปีจากมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เขายังคงยึดมั่นในคำพูดของเขาเสมอ แม้จะมีเหตุที่ทำให้ต้องแยกจากภรรยา แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะกลับมาหาเธอ เพื่อขอดูแลเธอไปจนชั่วชีวิต
โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เฉิน เจิ้นเฟิง ตัดสินใจที่จะขอภรรยาเก่าแต่งงานอีกครั้ง หลังจากทราบว่าเธอกำลังทุกข์ทรมานด้วยภาวะยูรีเมีย ซึ่งเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นในขณะที่เธอป่วยเป็นโรคไตวายระยะสุดท้าย ทั้งนี้เพื่อที่เขาจะได้คอยอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด ในขณะที่ฝ่ายภรรยาเก่าพยายามปฏิเสธเพราะไม่อยากเป็นภาระ แต่สุดท้ายความทุ่มเทและมุ่งมั่นของเขาก็ทำให้เธอยอมแพ้จนได้
สำหรับ เฉิน เจิ้นเฟิง กับ เซี่ย หงเซีย ได้พบรักกันเมื่อ 9 ปีก่อน ขณะที่เขากับเธออายุ 30 และ 26 ปี ทั้งคู่ตกหลุมรักและตกลงปลงใจแต่งงานหลังเจอกันได้เพียง 2 เดือน จากนั้นก็พยายามใช้ชีวิตสร้างครอบครัวด้วยกันมา อย่างไรก็ตามความผูกพันของทั้งคู่ต้องเจอกับบททดสอบ หลังจากที่ เซี่ย หงเซีย ได้แท้งลูกถึง 2 ครั้ง และความเครียดก็เริ่มทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง และตัดสินใจหย่ากันในปี 2562
แต่แล้วอีก 2 ปีต่อมา เฉิน เจิ้นเฟิง ที่ยังคงคิดถึงอดีตภรรยา ตัดสินใจติดต่อไปหาเธออีกครั้งเพื่อถามไถ่ความเป็นอยู่ กระทั่งทราบว่าเธอต้องเข้าโรงพยาบาลจากภาวะยูรีเมีย จึงตัดสินใจไปเยี่ยมเธอ ในตอนนั้นเองที่ เฉิน เจิ้นเฟิง ทราบว่าอดีตภรรยายังไม่แต่งงานใหม่ และเมื่อเขาได้เห็นใบหน้าที่อ่อนล้าของเธอ เขาก็ตัดสินใจจะขอให้เธอกลับมาเป็นภรรยาอีกครั้ง
แต่ เซี่ย หงเซีย ปฏิเสธคำขอนั้น เพราะเธอทราบดีว่าตัวเองกำลังป่วยหนักจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เธอไม่อยากเป็นภาระแก่เขาให้ต้องมาคอยดูแลและรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล แต่ เฉิน เจิ้นเฟิง ยังคงยืนกรานจะขออยู่ดูแลเธอ และจะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดการเดินทางครั้งนี้
เฉิน เจิ้นเฟิง เผยว่าด้วยความอุทิศตัวของเขา ทำให้ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ และแต่งงานกลับมาเป็นภรรยาของเขาอีกครั้งจนได้
ในตอนนี้ เฉิน เจิ้นเฟิง ยังคงทำหน้าที่ดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิด คอยบีบนวดและป้อนยากับอาหารให้เธอ รวมถึงยินดีจะสละไตของเขาให้ หากผลการตรวจยืนยันว่าอวัยวะของเธอสามารถเข้ากับเธอและทำการผ่าตัดปลูกถ่ายแก่เธอได้ เพราะนั่นเป็นหนึ่งในความหวังไม่กี่ทางที่จะช่วยยื้อชีวิตภรรยาของเขา ที่ต้องทุกข์ทนในช่วงที่อาการของโรคทรุดอย่างรวดเร็ว
ด้วยผลกระทบจากโรค ทำให้ตาของ เซี่ย หงเซีย เริ่มมองเห็นได้ไม่ชัดแล้ว แม้แต่ตอนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์เธอก็ยังไม่สามารถแยกเพศของอีกฝ่ายได้ แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายสามีกล่าวว่า "ต่อให้คุณจะมองไม่เห็นอีกแล้ว ผมก็ยังเป็นดวงตาให้คุณได้"
"อย่าร้องไห้ไปเลย ผมยินดีจะสละไตของผมให้ข้างหนึ่ง แม้นั่นอาจจะทำให้ผมมีชีวิตสั้นลงสักไม่่กี่ปี และทำให้คุณสามารถมีชีวิตอยู่นานขึ้นได้" เฉิน เจิ้นเฟิง กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความมุ่งมั่นตอนก็ต้องยอมรับว่าค่ารักษาพยาบาลของฝ่ายหญิงนั้นไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เลย โดย เฉิน เจิ้นเฟิง เล่าว่าตอนนี้ภรรยาของเขาต้องฟอกไต้และมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเดือนละ 6,000 หยวน (ราว 31,000 บาท) และหากเธอสามารถเข้ารับการปลูกไตได้ แพทย์ประเมินแล้วว่าจะต้องใช้เงินมากกว่า 800,000 หยวน (ราว 4.2 ล้านบาท) ซึ่งตอนนี้คู่สามีภรรยาอยู่ระหว่างเตรียมตัวหาไตที่จะเข้ากับ เซี่ย หงเซีย ได้ ท่ามกลางคำอวยพรจากผู้คนที่ทราบข่าว รวมถึงหน่วยงานในท้องถิ่นที่ยื่นมือช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของทั้งคู่ด้วย
