x close

ม็อบเดือด รวบแล้วกว่า 120 คน หลังรุมตื้บผู้จัดการโรงงาน ทุบตีจนตาย-จุดไฟเผาร่าง


           ม็อบเดือด คนนับร้อยรุมตื้บผู้จัดการโรงงาน ทุบตีจนสาหัสก่อนจุดไฟเผา ตำรวจตามรวมถึง 120 ราย ยังเดินหน้าสอบสวน ใช้ข้ออ้างเรื่องหมิ่นศาสนามาบังหน้าหรือไม่

รุมประชาทัณฑ์ผู้จัดการโรงงานจนตาย
ภาพจาก ARIF ALI / AFP

           วันที่ 4 ธันวาคม 2564 สำนักข่าวอัลจาซีรา รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปากีสถานได้ทำการจับกุมกลุ่มม็อบกว่า 120 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ฝูงชนรุมทำร้ายผู้จัดการโรงงานชาวศรีลังกา ก่อนจุดไฟเผาจนเสียชีวิตอย่างสยดสยอง โดยกลุ่มม็อบได้กล่าวหาเหยื่อว่าดูหมิ่นศาสนาอิสลาม  

           เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยผู้เสียชีวิตคือ ปริยันธา ดิยาวาดานา เป็นชายสัญชาติศรีลังกา ซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการในโรงงานของบริษัทวิศวกรรมในเมืองซิอัลโกต แคว้นปัญจาบ ของปากีสถาน มาเป็นเวลา 7 ปี ก่อนเกิดเหตุมีข่าวลืออ้างว่าดิยาวาดานาได้ทำลายโปสเตอร์ที่มีข้อความจากคัมภีร์อัลกุลอาน รวมถึงนามของพระศาสดา ในเช้าวันเกิดเหตุจึงเริ่มมีกลุ่มม็อบมารวมตัวกันบริเวณประตูโรงงาน ก่อนจะบุกเข้าไปจับตัวเหยื่อออกมาทุบตีในช่วงสาย

           จากคลิปที่มีการเผยแพร่บนโลกออนไลน์ เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่เหยื่อถูกรุมทุบตีและจับโยนไปบนพื้น ขณะที่กลุ่มม็อบนับร้อยคนพยายามเข้ามารุมทึ้งฉีกเสื้อผ้าของเขา เหยื่อถูกทารุณจนเสียชีวิตก่อนที่ร่างจะถูกเผา ที่น่าสลดคือกลุ่มม็อบไม่คิดจะปิดบังตัวตนหลังก่อเหตุ หลายคนยังถ่ายเซลฟี่คู่กับศพที่ถูกเผาไหม้

           ในวันต่อมา (4 ธันวาคม) โฆษกตำรวจเปิดเผยว่า ขณะนี้มีคนมากถึง 120 คน รวมถึงหนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลัก ที่ถูกจับกุมแล้วและคดียังอยู่ระหว่างสืบสวน

รุมประชาทัณฑ์ผู้จัดการโรงงานจนตาย
ภาพจาก ARIF ALI / AFP
           ขณะที่ ทาฮีร์ แอชราฟิ นักวิชาการด้านศาสนาและผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรี ด้านความกลมเกลียวทางศาสนา เผยว่า ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญของทางตำรวจกำลังสอบสวนคดีจากหลายแง่มุม รวมถึงความเป็นไปได้ที่อาจจะมีคนงานบางราย ใช้เหตุผลเรื่องการดูหมิ่นศาสนามาเป็นข้ออ้างบังหน้าในการทำร้ายผู้จัดการโรงงาน โดยมีคำยืนยันจากคนงานบางคนว่าผู้จัดการรายนี้เป็นคนที่เข้มงวดมาก

           ด้าน มาลิก นาซีม อวา ชาวบ้านและทนายความในเมืองซิอัลโกต ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ เปิดใจกับสำนักข่าวเอเอฟพี ยอมรับว่าเขารู้สึกกังวลว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่ารู้สึกอับอายแค่ไหนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เหตุการณ์คงต่างออกไปถ้ามีคนก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับคนจำนวนมาก ฝูงชนอยู่ที่นั่นและดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีสักคนพยายามจะช่วยเหยื่อ
 
           ด้าน อิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ยังประณามเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเป็นวันแห่งความอัปยศของปากีสถาน ชี้ว่าเหตุการณ์ทำร้ายแบบศาลเตี้ยที่โรงงาน โดยจับผู้จัดการโรงงานมาเผาทั้งเป็นนับเป็นความอัปยศของประเทศ เขากำลังจับตามองคดีและรวมถึงการสอบสวน โดยจะไม่ให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบหลุดรอดจากกระบวนการยุติธรรมไปได้
 
           ขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังสร้างความไม่พอใจแก่คนหมู่มาก จนถึงขั้นมีการรวมตัวประท้วง โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการเพื่อหยุดการนำกฎหมายเรื่องดูหมิ่นศาสนา มาใช้ในทางที่ผิด โดย เมห์นาซ เรห์มาน หนึ่งในนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน มองว่าคดีในครั้งนี้เป็นการนำข้อกล่าวหาเรื่องการดูหมิ่นศาสนามาบังหน้าเหตุฆาตกรรม
 
           "คนที่สังหารเขาคือพวกที่ไม่อยากทำงาน เขาก็แค่ขอให้คนงานมาทำงานอย่างซื่อสัตย์ คนเหล่านั้นจึงฆ่าเขาโดยอ้างว่าเป็นการลงทัณฑ์สำหรับการหมิ่นศาสนา" เรห์มาน กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก Aljazeera, The Guardian

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ม็อบเดือด รวบแล้วกว่า 120 คน หลังรุมตื้บผู้จัดการโรงงาน ทุบตีจนตาย-จุดไฟเผาร่าง อัปเดตล่าสุด 5 ธันวาคม 2564 เวลา 09:42:16 87,467 อ่าน
TOP