อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย เปรมชัย ถูกส่งขังอยู่ในแดนกักโรค 21 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิดในเรือนจำ พบคืนแรกยังมีอาการเครียด แถมมีโรคประจำตัวหลายโรค มีแพทย์ดูแลและตรวจสุขภาพใกล้ชิด
ภาพจาก สำนักข่าว INN
วันที่ 9 ธันวาคม 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องขังในคดีล่าเสือดำ ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 2 ปี 14 เดือน เข้าเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ว่า ได้รับรายงานจากนางจิตรา ประเสริฐโสภา ผู้บัญชาการเรือนจำทองผาภูมิ ว่าได้ทำประวัติผู้ต้องขังตามระเบียบราชทัณฑ์
ส่วนโรคประจำตัวนายเปรมชัย ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าป่วยหลายโรค อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ และตาซ้ายเพิ่งผ่าตัดลอกต้อกระจก ซึ่งเจ้าตัวได้พกยารักษาประจำตัวเข้ามาด้วย
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาถูกส่งตัวคุมขังอยู่ในแดนกักโรค เป็นเวลา 21 วัน ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ผู้ต้องขังทุกคนต้องถูกคัดกรองก่อนส่งตัวเข้าเรือนจำ แต่หากมีอาการป่วยจากโรคประจำตัวเกิดขึ้น จะมีเจ้าหน้าที่พยาบาลในเรือนจำคอยดูแลและตรวจสุขภาพร่างกายอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานโรงพยาบาล หากเกิดอาการทรุด
ขณะที่ สำนักข่าวไทย รายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเปรมชัยมีอาการท้องเสีย พยาบาลเรือนจำได้ให้อาหารเหลวและฉีดยาลดน้ำตาลในเลือด หยอดยารักษาตาต้อกระจกทุกชั่วโมง
โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยอีกว่า สำหรับคืนแรกในห้องขังนายเปรมชัย มีอาการเครียดบ้าง ซึ่งเป็นปกติของผู้ต้องขังเข้าเรือนจำ ส่วนกรณีโรคประจำตัวร้ายแรงอื่น ๆ ต้องขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ขณะนี้เรือนจำทองผาภูมิ และโรงพยาบาลแม่ข่าย ยังดูแลได้ รวมทั้งการรักษาตาด้วย หากแพทย์มีความเห็นอย่างไร จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ต้องขึ้นกับแพทย์ที่ดูแลอาการ
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN, สำนักข่าวไทย
ขณะที่ สำนักข่าวไทย รายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเปรมชัยมีอาการท้องเสีย พยาบาลเรือนจำได้ให้อาหารเหลวและฉีดยาลดน้ำตาลในเลือด หยอดยารักษาตาต้อกระจกทุกชั่วโมง
โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยอีกว่า สำหรับคืนแรกในห้องขังนายเปรมชัย มีอาการเครียดบ้าง ซึ่งเป็นปกติของผู้ต้องขังเข้าเรือนจำ ส่วนกรณีโรคประจำตัวร้ายแรงอื่น ๆ ต้องขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ ขณะนี้เรือนจำทองผาภูมิ และโรงพยาบาลแม่ข่าย ยังดูแลได้ รวมทั้งการรักษาตาด้วย หากแพทย์มีความเห็นอย่างไร จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ต้องขึ้นกับแพทย์ที่ดูแลอาการ
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว INN, สำนักข่าวไทย