เรื่องราวชีวิตของหญิงสาว ตัดสินใจทำแท้งทั้งน้ำตา
ก่อนนำตัวอ่อนไปเก็บซ่อนไว้ในตู้เย็น เหตุผลเบื้องหลังสุดเศร้า
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย..

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2564 เว็บไซต์แอปเปิลเดลี่ของไต้หวัน เผยเรื่องราวของหญิงรายหนึ่งวัย 30 ปี เธอแต่งงานกับ (อดีต)
สามีและมีลูกด้วยกัน ทว่าตั้งแต่แต่งงานกันมาเกือบ 10 ปี
เธอก็แทบจะไม่มีความสุข ร่างกายซูบผอมลง อีกทั้งยังป่วยทางจิต
เหตุเพราะถูกสามีของเธอทำร้ายร่างกายและจิตใจ
รวมไปถึงบังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่เต็มใจ
หญิงสาว เผยว่า หลังจากคลอดลูกสามีก็บังคับให้เธอมีเซ็กส์ด้วย ทุกครั้งเมื่อกล่อมลูกเข้านอนเสร็จ เขาก็จะสั่งให้เธอเข้าไปในห้องนอนกับเขา หากเธอปฏิเสธหรือไม่ยินยอม สามีก็จะเอาลูกมาเป็นข้ออ้าง ขู่จะทำร้ายทุบตีลูก รวมไปถึงพ่อแม่ของเธอเองก็เคยโดนขู่จะทำร้ายด้วย หากเธอไม่ยอมนอนกับเขา
หญิงสาว เผยว่า หลังจากคลอดลูกสามีก็บังคับให้เธอมีเซ็กส์ด้วย ทุกครั้งเมื่อกล่อมลูกเข้านอนเสร็จ เขาก็จะสั่งให้เธอเข้าไปในห้องนอนกับเขา หากเธอปฏิเสธหรือไม่ยินยอม สามีก็จะเอาลูกมาเป็นข้ออ้าง ขู่จะทำร้ายทุบตีลูก รวมไปถึงพ่อแม่ของเธอเองก็เคยโดนขู่จะทำร้ายด้วย หากเธอไม่ยอมนอนกับเขา
กระทั่งในเดือนเมษายน เมื่อพันธะของเธอและสามีสิ้นสุดลง เธอก็โล่งใจที่สามารถขจัดเงามืดของสามีออกไปจากชีวิตได้ แต่เธอกลับเจอเรื่องไม่คาดคิด เมื่อพบว่าเธอตั้งท้องลูกกับอดีตสามีอีกครั้ง ตอนแรกประจำเดือนของเธอผิดปกติ และเมื่อไปตรวจเช็กกับหมอที่โรงพยาบาล ก็ยืนยันว่าเธอตั้งครรภ์
หญิงสาวตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ เพราะเธอไม่ต้องการให้กำเนิดลูกที่เกิดจากการถูกอดีตสามีข่มขืน และเธอก็ได้ยื่นฟ้องร้องเขาด้วย แต่เนื่องจากทารกในครรภ์มีขนาดใหญ่มากแล้ว เธอจึงจำเป็นต้องทำแท้งด้วยการผ่าตัด และหลังจากนั้นเธอก็นำตัวอ่อนไปเก็บซ่อนไว้ในตู้เย็น "เพื่อพิสูจน์ว่าสามีของเธอข่มขืนเธอจริง"
"ฉันเก็บตัวอ่อนไว้ในตู้เย็นที่บ้าน เพราะมันสามารถพิสูจน์ได้ว่านี่เป็น DNA ของสามีของฉัน" หญิงสาว กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางอดีตสามีของเธอจะยอมหย่าไปแล้ว แต่ทั้งสองยังมีคดีความที่ติดค้างกันอยู่ ทั้งเรื่องการแบ่งทรัพย์สินและสิทธิการพบลูก รวมไปถึงคดีความฟ้องร้องที่ภรรยากล่าวหาว่าสามีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
ขอบคุณข้อมูลจาก tw.appledaily.com