ส่องความจริงคดี น้องสายฟ้า เด็ก 6 ขวบตายปริศนาในรถ
สรุปต้นจนจบแบบสลดหดหู่ ตอนแรกก็เป็นเด็กดี ๆ แต่โดนพ่อเลี้ยงทุบตีเป็นปี -
ปล่อยให้นอนในรถ วันสุดท้ายของชีวิตโดนไม่ฟาด-เหวี่ยงใส่ล้อจนตาย
ด้านแม่แท้ ๆ มีส่วนรู้เห็น ซ้ำยังช่วยผัวใหม่ปกปิดความผิดอีก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
กลายเป็นข่าวชวนสะเทือนใจสังคม กรณีการเสียชีวิตของ
น้องสายฟ้า อายุ 6 ขวบ ซึ่งนอนดับอยู่ภายในรถยนต์ หลังพ่อเลี้ยงและแม่แท้ ๆ
ให้ลูกนอนในรถทุกคืนนานเป็นปี โดยอ้างว่าเด็กผีเข้า
แต่จากคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน และหลักฐานที่ออกมากลับเป็นหนังคนละม้วน
สุดท้ายความจริงปรากฏกลับเป็นเรื่องที่ชวนหดหู่อย่างมาก
โดยมีเรื่องราวดังต่อไปนี้
น้องสายฟ้า เสียชีวิตปริศนาในรถเก๋ง ร่วมกันอ้าง เด็กโดนไสยศาสตร์ หวังเบี่ยงประเด็น
เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2565 ตำรวจ สภ.แหลมงอบ จ.ตราด เข้าไปตรวจสอบเหตุ น้องสายฟ้า เด็กชายวัย 6 ขวบ เสียชีวิตปริศนาในรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค ซึ่งชาวบ้านให้การว่า เด็กคนนี้ถูกขังอยู่ในรถมาร่วมปี เพราะพ่อแม่คิดว่าลูกผีเข้า แต่ก่อนตำรวจมาทาง นายปัญญา พ่อเลี้ยงเด็กได้นำร่างเด็กเข้าไปในบ้านแล้ว กลับพบว่าทาง นายปัญญา และนางนรินรัตน์ แม่แท้ ๆ ของเด็ก ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับตำรวจ
นายปัญญา อ้างว่า ที่ผ่านมาเด็กได้รับบาดเจ็บจากไสยศาสตร์ นอนที่บ้านไม่ได้
เพราะจะปวดหลัง จึงต้องให้ลูกมานอนในรถ วันที่น้องเสียชีวิต
ลูกขอเข้าไปนอนในรถตอนกลางวัน ตนก็ไม่ว่าอะไร จนกระทั่งเที่ยงคืน
น้องสายฟ้าบอกว่าอยากกินปู จึงออกไปตักปูให้
แต่เมื่อกลับเข้ามาบ้านในตอนเช้า
ก็พบว่าน้องสายฟ้าเสียชีวิตในรถจึงอุ้มน้องเข้าบ้าน
แม่ของพ่อเลี้ยง - แม่แท้ ๆ ช่วยกันปกปิดความผิด โบ้ยหลานตายเพราะสิ่งลี้ลับ อยากให้เรื่องจบ ไม่อยากให้ชันสูตร
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุนั้น ปรากฎว่าทางแม่เด็กไม่ยอมให้ความร่วมมือ บอกเพียงว่าอยากให้เรื่องจบ ๆ ไป เพราะลูกเสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งออกอาการไม่ค่อยพอใจทั้งตำรวจ เพื่อนบ้าน และสื่อด้วย ถามว่าทำไมกรณีนี้ถึงวุ่นวายนัก เทียบกับที่สูญเสียน้องสาวไปเมื่อ 1-2 ปีก่อน ไม่เห็นมีวุ่นวายแบบนี้ แล้วคนที่ใส่ไฟก็รู้นะว่าเป็นใคร เมื่อถามว่าความจริงเป็นอย่างไร แม่เด็กตอบสื่อว่า พูดไปแล้วยังไง พูดไปแล้วลูกดิฉันจะฟื้นขึ้นมาพูดความจริงต่ออีกไหม ระบุว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว พ่อแม่ไม่ได้ติดใจ แล้วทำไมถึงไม่จบ
สภาพศพสุดสลด น้องแขนขาหัก กะโหลกร้าว ชาวบ้านบอกเล่า ตามตัวมีแต่แผล เดินขากะเผลก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ชาวบ้านนอกจากนี้ จากปากคำของชาวบ้าน เผยว่า ตามลำตัวของน้องสายฟ้า มักมีร่องรอยบาดแผลต่าง ๆ เต็มไปหมด นอกจากนี้ชาวบ้านยังบอกด้วยว่า ปกติแล้วเด็กชายจะมีร่างกายปกติ แต่เมื่อหลายวันที่ผ่านมา เด็กเดินกะเผลกเหมือนคนพิการ ทั้งแขนขา จึงสงสัยว่า น่าจะถูกทำร้ายร่างกายมากกว่า
คำสารภาพจากพ่อเลี้ยง กับนาทีโหดฆ่าน้องสายฟ้า เอาไว้ฟาด จับเหวี่ยงใส่ล้อ ปล่อยน้องตายในรถ
หลังจากสอบปากคำกินเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง นายปัญญา พ่อเลี้ยงของเด็ก สารภาพว่า เป็นผู้ทำร้ายเด็กจนเสียชีวิตจริง คืนเกินเหตุประมาณเที่ยงคืน ตนและเด็กเข้ามานอนในรถตามปกติ ตอนนั้นตนกำลังหงุดหงิด เพราะเด็กเซ้าซี้อยากจะขอไปจับปูด้วย ตนก็บอกว่าไม่ได้ เพราะเป็นเด็กต้องพักผ่อน แต่ก็ยังเซ้าซี้เล่นซนไปอยู่ในรถ จนเด็กทำของตกทำให้ตนโมโห จับเด็กเหวี่ยงที่ล้อรถยนต์จนบาดเจ็บ ตีสั่งสอนด้วยมือ ใช้ไม้ฟาดศรีษะ และแขนขา ตอนนั้นลูกยังลืมตามองหน้าปกติ เมื่อนำตัวไปนอนในรถก็ยังพลิกตัวไปมา ก่อนที่ตนจะออกไปจับปูให้ลูกเลี้ยงกินเพราะลูกเลี้ยงอยากกิน เข้าใจว่าเด็กแค่นอนหลับ กระทั่งรุ่งเช้า แม่เด็กมาพบว่า ลูกเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบ
พ่อเลี้ยงบอกว่า ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายลูกเลี้ยงจนเสียชีวิต แต่ด้วยเด็กที่ตัวเล็กอาจจะพลั้งมือไปบ้าง แล้วก็ไม่ได้แจ้งใครตั้งแต่แรกหลังเหวี่ยง แต่ก็ไม่คิดว่าลูกเลี้ยงจะถึงขั้นเสียชีวิต ส่วนเหตุผลที่ไม่ยอมรับตั้งแต่แรกเพราะกลัวความผิด ยืนยันว่า ลงมือเพียงคนเดียว ส่วนแม่เด็กไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตเด็กในครั้งนี้
พบยาเสพติดมีส่วนเกี่ยวข้อง อ้างปมลี้ลับเรื่องไสยศาสตร์ส่อแววโกหก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ส่วนการกล่าวอ้างว่าเกิดจากความเชื่อทางไสยศาสตร์ เนื่องจากต้องการเบี่ยงประเด็นเพื่ออำพรางคดี ซึ่งตำรวจไม่ปักใจเชื่ออยู่แล้ว เนื่องจากคดีลักษณะนี้ต้องใช้ผลพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ดังนั้นการกล่าวอ้างลักษณะนี้ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยและต้องพิสูจน์ ยิ่งอ้างแบบนี้ยิ่งทำให้มัดตัวมากขึ้น
แม่แท้ ๆ สารภาพ เคยร่วมทำร้ายน้องสายฟ้า ตำรวจรวบรวมหลักฐานพยาน ตั้งข้อหาผัวเมียคู่นี้
นางนรินรัตน์ ผู้เป็นแม่ ทางพยานให้ข้อมูลว่า เคยทำร้ายน้องสายฟ้าจริง แต่เป็นลักษณะการลงโทษไม่รุนแรง เนื่องจากเด็กดื้อเป็นบางคราว เป็นปกติในครอบครัวเท่านั้น
สำหรับการดำเนินคดีนั้น เบื้องต้นตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหานายปัญญา ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ส่วน นางนรินรัตน์ ยังไม่มีการตั้งข้อหา เนื่องจากต้องรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานเพิ่มเติม หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่สามารถแจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้ สำหรับคดีนี้ทางตำรวจขอบคุณชาวบ้านที่ร่วมกันให้ความร่วมมือให้ข้อมูล จนนำไปสู่การไขคดีและจับกุมคนร้ายได้ในที่สุด

ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเด่นเย็นนี้, เรื่องเล่าเช้านี้







