เอสเธอร์ แจ้งความโดนหลอกเป็นพรีเซ็นเตอร์ โป๊ะแตกเป็นแชร์ลูกโซ่ คนโดนโกงเพียบ

 

          เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา เข้าแจ้งความตำรวจ หลังโดนหลอกเป็นพรีเซ็นเตอร์แอปพลิเคชันขายของออนไลน์ โป๊ะแตกฉ้อโกง ตำรวจชี้เป็นเหมือนระบบแชร์ลูกโซ่ มีคนโดนโกงเพียบ
          วันที่ 7 มกราคา 2565 นางเอกสาว เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา พร้อมด้วย เคน ภูภูมิ และทนายความ เดินทางมาที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศูนย์ PCT  เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ช่วยติดตามกลุ่มคนร้าย ซึ่งหลอกลวงว่าจ้างให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นแพลตฟอร์มการซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งขายสินค้าราคาขายต่ำกว่าท้องตลาดถึง 30-80% โดยมี พล.ต.ต. พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการสืบสวน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในฐานะหัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 ศูนย์ PCT พร้อมกับทีมสืบสวน สอบสวนของศูนย์ PCT เป็นผู้รับเรื่องราวร้องทุกข์

          ทั้งนี้ เอสเธอร์ เปิดเผยว่า เดือนกรกฎาคม 2564 มีผู้ติดต่อมาให้เป็นพรีเซ็นเตอร์แอพพลิเคชั่น spell และเว็บไซต์ firshop เมื่อตรวจสอบรายละเอียดของบริษัทดังกล่าว พบว่ามีความน่าเชื่อถือ จึงทำสัญญาเป็นพรีเซ็นเตอร์ 1 ปี แต่ต่อมากลับมีผู้เสียหายจำนวนมากติดต่อเข้ามาว่าถูกโกง มีการปิดบัญชีและไม่สามารถถอนเงินได้ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก พยายามติดต่อบริษัทดังกล่าวก็ไม่สามารถติดต่อได้ จึงตัดสินใจยกเลิกสัญญาพรีเซ็นเตอร์ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และเข้ามาแจ้งความเพื่อไม่ให้มีผู้ถูกหลอกเพิ่ม


          โดยแอปพลิเคชันและเว็บดังกล่าว จะขายสินค้าราคาต่ำมาก แต่มีข้อกำหนดให้ผู้ซื้อสินค้าหาสมาชิกที่ต้องการลงทุน ซึ่งเรียกว่าการหั่นราคา สมัครและโอนเงินลงทุนเข้าสู่ระบบ โดยอ้างว่าสมาชิกที่ลงเงินหั่นราคา เท่าราคาสินค้าของผู้ซื้อ คือ ผู้ลงทุน และจะได้เงินต้นดังกล่าวคืน พร้อมปันผล 10-20% เมื่อครบกำหนดเวลาที่ระบบกำหนด ซึ่งช่วงแรกได้เงินจริง แต่ต่อมาก็ทราบว่าเป็นอุบายในการชักชวนให้หาสมาชิกเพิ่มเพื่อให้มีเงินเข้าระบบมากขึ้น จากนั้นจะนำเงินลูกข่ายมาจ่ายปันผลให้กับสมาชิกต้นทาง ซึ่งไม่ได้เกิดจากการประกอบการธุรกิจที่มีผลกำไรอยู่จริง มีรูปแบบแผนคล้ายกับระบบแชร์ลูกโซ่

          ด้าน พล.ต.ต. พันธนะ กล่าวว่า เคยมีผู้เสียหายบางส่วนมาแจ้งความเมื่อปี 2564 ความเสียหายแต่ละคนหลักหมื่นบาท จึงอยากให้ประชาชนที่เสียหายเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจที่ ศูนย์ PCT เพื่อประโยชน์ในทางสืบสวน เบื้องต้นทราบชื่อผู้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้ว จากนี้จะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหายแต่ละคนว่าไปถึงยังผู้ใดบ้าง ก่อนที่จะออกหมายเรียกหรือหมายจับมาดำเนินคดี

ขอบคุณข้อมูลจาก PCT Police