จากใจเจ้าของฟาร์มหมู หมูตายเกลี้ยงเป็นร้อยเพราะ ASF - กรมปศุสัตว์ ส่งทีมสอบสวนโรค

          จากใจเจ้าของฟาร์มหมู คนมองรวยหลังหมูแพง ลั่นหมูตายไป 100 ตัว เพราะ ASF จี้รัฐพูดความจริง ด้านกรมปศุสัตว์ขยับแล้ว ส่งทีมค้นหา-สอบสวนโรค


          จากกรณีปัญหาเนื้อหมูแพง ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนและประชาชนเป็นอย่างมาก กดดันให้ร้านอาหารต่าง ๆ จำต้องขึ้นราคาเพื่อให้สอดรับสถานการณ์เนื้อหมูแพง ขณะที่ประชาชนโอดจะเปลี่ยนไปกินเนื้อไก่ แต่เนื้อไก่ก็แพงเช่นกันนั้น

          ล่าสุด (8 มกราคม 2565) รายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ทางช่อง 3 มีรายงานเปิดใจเจ้าของฟาร์มหมูจาก จ.นครสวรรค์ ที่ออกมาเผยสาเหตุที่เป็นต้นตอของสถานการณ์หมูแพงในตอนนี้ ว่าเกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดในหมู คือโรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (ASF) โดยในช่วงกันยายน 2564 ฟาร์มของตนมีหมู 1 ตัวแสดงอาการ จากนั้นไม่ถึง 3 สัปดาห์ หมูในฟาร์มตายเกลี้ยง 100 ตัวจนต้องปิดฟาร์มไป

          สำหรับสาเหตุที่ตนออกมาเปิดเผย เนื่องจากคนทั่วไปที่รู้ว่าตนเลี้ยงหมู มักจะถามว่าทำไมหมูถึงแพง มองว่าตนต้องรวยแน่ ๆ ในสถานการณ์หมูแพง แต่ตนไม่อยากตอบคำถามรายวันแล้ว

ลั่นหมูหายจากระบบ ทำหมูแพง รับไม่ได้รัฐไม่พูดความจริง

          "ผมรับไม่ได้ที่หน่วยงานภาครัฐไม่ยอมออกมาพูดความจริงสักที ว่ามันคืออะไร ว่าทำไมหมูมันถึงหายไปจากระบบ คืออยากให้ทุกคนรู้ มันมีโรคระบาดกับหมู มันกลับกลายเป็นพาหะนำโรค ผมอยากออกมาพูดเพราะว่าหน่วยงานรัฐต้องมีมาตรการป้องกันที่มันจริงจังแล้ว"

          เจ้าของฟาร์มหมูยังกล่าวอีกว่า ไม่มีร้านข้าวขาหมูร้านไหนหรอกที่อยากให้ราคาหมูขึ้นมา กิโลกรัมละ 200-220 บาท ไม่มีร้านหมูปิ้งร้านไหนหรอก ที่อยากขายไม้ละ 10 บาท ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ขายไม้ละ 5 บาท

ASF ไวรัสรุนแรงในหมู ไร้วัคซีนป้องกัน-ไร้ยารักษา

          สำหรับโรค ASF พบว่าอาการคือ มีไข้สูง ผิวหนังแดง มีจุดเลือดโดยเฉพาะใบหู ท้อง ขาหลัง แท้งในท้อง ตายเฉียบพลัน หากหมูมีอาการอัตราการตายอยู่ที่ 100%

          อย่างไรก็ตาม ในด้านการรักษานั้นยังไม่มียาและวัคซีนในขณะนี้ ต้องรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ ห้ามเคลื่อนย้ายหมู เฝ้าระวังหมูจากประเทศเพื่อนบ้าน ถึงบอกว่าต้องกั้นพื้นที่ห้ามเคลื่อนย้ายและอัตราการตายสูง

อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยัน ASF ระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน

          ขณะที่ล่าสุด เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ออกมาชี้แจงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าวการเกิดโรคระบาดในหมูหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งส่งผลให้ราคาเนื้อหมูปรับสูงขึ้น โดยเชื่อว่าเกิดจากการระบาดของโรค ASF ระบุว่า ASF เป็นโรคไวรัสที่ติดต่อร้ายแรงในหมูซึ่งแพ่รกระจายในภูมิภาคต่าง ๆ 35 ประเทศทั่วโลก หากพบการระบาดแล้วจะกำจัดโรคได้ยาก เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาโรค

          แม้โรคจะไม่ติดต่อสู่คนและสัตว์อื่น แต่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง ปัจจุบันมีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เวียดนาม ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และเมียนมา ​ดังนั้น จากสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคในประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลก กรมปศุสัตว์จึงกำหนดมาตรการการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันโรค ASF อย่างเข้มงวด

          หากพบฟาร์มหมูมีความเสี่ยงในระดับสูงถึงสูงมาก กรมปศุสัตว์จะดำเนินการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในทันที โดยการทำลายหมู พร้อมชดใช้ราคาหมูที่ถูกทำลาย รวมทั้งดำเนินการเฝ้าระวังโรคทั้งในเชิงรุกและเชิงรับในทุกพื้นที่ของประเทศไทย มีการเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายหมู/หมูป่าที่มีชีวิตและซาก ทั้งการเคลื่อนย้ายหมูภายในประเทศ และการเคลื่อนย้ายหมูระหว่างประเทศ และเฝ้าระวังการลักลอบเคลื่อนย้ายทุกกรณีอย่างเข้มงวด

สั่งส่งทีมค้นหา-สอบสวนโรค หาสาเหตุการระบาด

          ทั้งนี้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ มีความห่วงใยเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทุกท่าน การลดความสูญเสียจากการระบาดของโรคในระยะยาว มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้น จึงสั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจ ดำเนินการค้นหาและสอบสวนโรคเพื่อหาสาเหตุการระบาดของโรคหมู

ย้ำฟาร์มหมู เข้มระบบป้องกันโรคในฟาร์ม

          และขอความร่วมมือเกษตรกรให้ความสำคัญในการดูแลหมูของตนอย่างใกล้ชิดให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และให้ความสำคัญในเรื่องระบบการป้องกันโรคภายในฟาร์ม มีคอกคัดสัตว์เพื่อขายแยกจากฟาร์มเพื่อป้องกันพ่อค้าที่รับซื้อหมูอาจนำเชื้อมาสู่ฟาร์ม โดยเฉพาะการพ่นยาฆ่าเชื้อทุกครั้งก่อนเข้าและออกจากบริเวณฟาร์ม และโรงเรือน เลือกซื้อสัตว์ที่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และกักสัตว์ก่อนนำเข้ารวมฝูง หมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงของตน หรือฟาร์มใกล้เคียง

          หากพบเห็นสัตว์ป่วยหรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ห้ามนำสัตว์ป่วยตายไปจำหน่าย และรีบแจ้งปศุสัตว์อำเภอ อาสาปศุสัตว์ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ทันที เพื่อให้การช่วยเหลือ และตรวจสอบโดยเร็ว และลดความเสียหายจากโรคระบาด หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อหน่วยงานดังกล่าว หรือสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ (สคบ.) กรมปศุสัตว์ หรือ call center 06-3225-6888 หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



ขอบคุณข้อมูลจาก รายการ เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์, เดลินิวส์ออนไลน์