แฉนายจ้างสุดแสบ จ่ายเงินงวดสุดท้ายเป็นเหรียญในถุงขยะ เงินเป็นหมื่น นับกันจนมือเป็นตะคริว ชาวเน็ตมั่นใจตั้งใจแกล้งกัน หลังลูกจ้างออกจากงาน
ภาพจาก ETtoday
ในขณะที่การออกจากงานเดิม ไม่ได้หมายความว่าเราต้องละทิ้งสายสัมพันธ์ดี ๆ ที่มีต่ออดีตนายจ้าง แต่ก็มีอยู่หลายครั้งเช่นกันที่เราอาจจะต้องเผชิญกับความใจดำของนายจ้างจนถึงท้ายที่สุด จนเกิดเป็นวีรกรรมที่ถูกนำมาเมาท์ต่อบนโลกโซเชียลจนกลายเป็นไวรัล ดังเช่นกรณีที่ลูกจ้างหญิงรายหนึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานมานี้
โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า ชายไต้หวันรายหนึ่งได้นำประสบการณ์สุดทนที่แฟนสาวของเขาพบเจอ มาบอกเล่าผ่านชุมชนออนไลน์ หลังจากที่แฟนของเขาเพิ่งออกจากงาน แต่กลับถูกนายจ้างกลั่นแกล้งทิ้งท้าย ด้วยการจ่ายเงินเดือนงวดสุดท้ายของเธอมาเป็นเหรียญล้วน ๆ ใส่ไว้ในถุงขยะ ทำเอาทั้งเขาและแฟนสาวตกตะลึง งานนี้มีนับกันจนนิ้วเป็นตะคริว
ชายหนุ่มเผยว่า แฟนสาวของเขาทำงานอยู่ที่ร้านเครื่องดื่มสาขาหนึ่ง และได้ออกจากงานเมื่อไม่นานมานี้ เธอต้องกลับไปรับเงินเดือนงวดสุดท้ายที่ร้าน ซึ่งทางนายจ้างก็บอกให้เธอมารับเงินได้ตอนเที่ยงคืน อีกทั้งให้ถอดเสื้อโค้ท ทิ้งกระเป๋ากับโทรศัพท์มือถือไว้ด้านนอก
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เธอตามเจ้านายเข้าไปในโซนที่เก็บของเพื่อรับเงินเดือน ทางนายจ้างกลับยื่นถุงดำที่เต็มไปด้วยเงินเหรียญ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 24,000 บาท) มาให้
ฝ่ายแฟนหนุ่มเผยอีกว่า เขาทราบมาว่านายจ้างรายนี้ยังมีร้านปิ้งย่างอีกทีหนึ่ง ซึ่งหากใครอยากลองสัมผัสประสบการณ์นับเงินจนนิ้วเป็นตะคริว ก็มาลองทำงานกับบอสรายนี้ดูได้
เมื่อดูจากภาพ จะเห็นว่าเศษเหรียญเหล่านี้มีทั้งที่เป็นเหรียญ 1 ดอลลาร์ 10 ดอลลาร์ หรือแม้กระทั่ง 50 ดอลลาร์ โดยส่วนมากนั้นเป็นเหรียญเล็ก ๆ อย่าง 1 ดอลลาร์ ทำให้ชาวเน็ตค่อนข้างมั่นใจว่าหญิงสาวน่าจะโดนอดีตนายจ้างเล่นงานเข้าให้แล้ว คงเป็นเจตนากลั่นแกล้งกันอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ชาวเน็ตหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า แฟนสาวของเขาไปทำเรื่องอะไรขัดใจนายจ้างหรือไม่ถึงโดนแกล้งเอาแบบนี้ หรือถ้าไม่เช่นนั้น ทางนายจ้างก็อาจจะเป็นคนที่ไม่เคารพผู้อื่น
บางคนยังแนะนำให้หญิงสาวเอาคืน โดยบอกว่า "บอกเจ้านายสิว่าเงินหายไป 850 ดอลลาร์ (ราว 1,000 บาท) ถ้าเขาไม่เชื่อก็ให้มานับดูเอง ซึ่งถ้าหลังจากนั้นเขานับว่าเงินครบอยู่แล้ว ก็ให้บอกไปว่า อ่า.. ฉันนับพลาดไปน่ะ แกล้งทำเป็นโง่ใส่ไปเลย"
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday