x close

เรื่องเล่าอีกด้าน พยาบาลอุ้ม ยอมอยู่พื้นที่กันดาร แม้มีลางอาจประสบอุบัติเหตุ แต่ขอสู้เพื่อคนไข้

            เพจหมอชายแดน เล่าเรื่อง น้องอุ้ม พยาบาลสาวในถิ่นกันดาร เบื้องหลังการรีเฟอร์คนไข้จากอุ้มผาง ทุ่มเทเต็มที่แม้แบกความเสี่ยง เคยทำใจสักวันอาจประสบอุบัติเหตุ 

พยาบาลอุ้ม

            จากกรณีอุบัติเหตุ รถตู้ฉุกเฉินของโรงพยาบาลอุ้มผาง จ.ตาก ชนรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย หนึ่งในนั้นคือ น.ส.ปุณยวีร์ ศรีดวงแปง หรือ น้องอุ้ม อายุ 25 ปี พยาบาลวิชาชีพ บาดเจ็บสาหัส ปัจจุบันยังไม่รู้สึกตัว พบมีอาการสมองบวมนั้น

            อ่านข่าว : รพ.ราชวิถี อัปเดตอาการ พยาบาลอุ้ม รถชนหลังไปรับคนไข้ ยังไม่รู้สึกตัว - มีภาวะสมองบวม

            เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 18 มกราคม 2565 เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน โพสต์เล่าเรื่องราวของน้องอุ้ม เป็นพยาบาลที่ตั้งใจจะทำงานในพื้นที่ชายแดน โดยเป็นคนขยันทำงาน คอยช่วยเหลือและขึ้นเวรแทนพี่ ๆ ที่รีเฟอร์คนไข้จากโรงพยาบาลอุ้มผางอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยระยะทางที่ไกล เสี่ยงอันตราย ทำให้น้องอุ้มเคยยอมรับกับคุณพ่อว่าไม่รู้ว่าจะถึงคิวที่ตัวเองจะประสบอุบัติเหตุเมื่อไหร่ โดยเพจขอกำลังใจจากคนไทยส่งให้กับน้องอุ้ม พยาบาลตัวน้อยของชายแดนตากตะวันตก ให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสให้กับคนไข้ของเธอและพวกเราทุกคนอีกครั้ง

เรื่องราวของ น้องอุ้ม พยาบาลชายแดน


พยาบาลอุ้ม

            น้องอุ้ม เข้าศึกษาพยาบาลในโครงการผลิตพยาบาลเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชนในจังหวัดชายแดน ตามรอยสมเด็จย่า คุณพ่อน้องอุ้มทำงานเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่อุ้มผาง เคยไปรับราชการที่ชายแดนใต้หลายปี โครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้บุตรธิดาของข้าราชการตำรวจ ทหารชายแดน ได้เข้าเรียน เพื่อจบออกมาทำงานที่พื้นที่ชายแดนห่างไกล ที่ที่ใครก็ไม่อยากมาทำงาน ทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ และจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ชาวบ้านก็จะได้มีที่พึ่ง ข้าราชการก็ไม่ได้หนีจากพวกเขาไปไหน ทำงานแบบสำนึกรักบ้านเกิด

            น้องอุ้มเป็นคนสวยน่ารัก น่าทะนุถนอม แต่พ่อบอกว่าตัวจริงแข็งแกร่งมาก ชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะบาสเกตบอล และออกกำลังกายเป็นประจำ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่ทำงานบอกว่า อยู่โรงพยาบาลอุ้มผางเข้าปีที่ 4 เธอขยันทำงาน อารมณ์ดี สดใส มีน้ำใจกับทุกคนเสมอ ปกติจะประจำอยู่วอร์ดหลังคลอด ชอบเล่นกับลูกคนไข้ มีเวรรีเฟอร์คนไข้เฉลี่ย 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ บางทียอมขึ้นเวรแทนพี่ ๆ ที่ไปไม่ไหว อุ้มบอกพ่อว่า เดินทางบ่อยขนาดนี้เมื่อไหร่ไม่รู้จะถึงคิวน้อง คิวในความหมายของอุ้มก็คือ การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

เบื้องหลังการรีเฟอร์คนไข้จากอุ้มผาง 3.5 ชั่วโมงที่แสนทรมาน


พยาบาลอุ้ม

            การรีเฟอร์คนไข้ออกจากอุ้มผางมาโรงพยาบาลแม่สอดหรือโรงพยาบาลที่ไกลกว่านั้น เป็นเรื่องยากมาก ไหนจะต้องดูแลคนไข้ที่อาการหนักกว่าปกติ (ที่อุ้มผางเป็นพื้นที่ทุรกันดาร คนไข้มักเข้าถึงบริการช้า จนอาการทรุดหนัก บางพื้นที่ใช้เวลาเดินมาเป็นวัน ๆ ) ดูแลที่โรงพยาบาลว่ายากแล้ว นี่ต้องให้น้ำเกลือ ฉีดยาในสภาพที่รถกำลังวิ่งโค้งไปโค้งมาต้องใช้ทักษะมากทีเดียว แถมต้องปลดเข็มขัดนิรภัยบ่อย ๆ เพราะดูแลคนไข้ไม่ถนัด ไหนจะถนนหนทางที่คดเคี้ยว ระยะทาง 164 กิโลเมตร 1,219 โค้ง เวลา 3.5 ชั่วโมงที่แสนทรมาน

            สมัยก่อนการทำงานรีเฟอร์คนไข้จากอุ้มผางมาถึงแม่สอด ดูจะแย่กว่าคนไข้เสียอีก ต้องเอาถุงอ้วกที่เต็มไปด้วยน้ำดีห้อยหูไว้เลย นับถือเจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลอุ้มผางจริง ๆ ที่ไม่เคยย่อท้อ ขอเพียงนำส่งคนไข้มาที่โรงพยาบาลแม่สอดได้อย่างปลอดภัย ดึกดื่นแค่ไหนถ้าคนไข้รอไม่ได้ พวกเขาก็ไม่รอ

            ปัจจุบัน โรงพยาบาลอุ้มผาง ได้พัฒนาหลายด้านเพื่อให้รองรับผู้ป่วยหนักให้ได้มากที่สุดเพื่อลดการรีเฟอร์ เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร เช่นการเพิ่มหมอเฉพาะทาง การตั้ง ICU ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มีห้องผ่าตัดแบบมาตรฐาน เป็นโรงพยาบาลชุมชนไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ยังเปิดผ่าตัด แต่ด้วยความถี่ในการรีเฟอร์ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกมากกว่า 750 ครั้งต่อปี ความเสี่ยงก็ไม่อาจหมดไป จนมาเกิดอุบัติเหตุรุนแรงครั้งนี้


ขอกำลังใจให้ น้องอุ้ม ที่บาดเจ็บขณะช่วยผู้ป่วยด้วยความทุ่มเทและเสี่ยงภัย


            น้องอุ้มบาดเจ็บทางสมอง เข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลแม่สอด โดยคุณหมอกัลยา ศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองที่ตั้งใจทำงานหนักมากที่ชายแดนมาตลอด การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เมื่อน้องพอที่จะเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย ได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีที่มีความพร้อมมากกว่า โดยลำเลียงทางอากาศยาน Sky Doctor โดยความช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุข รับน้องเป็นคนไข้ในความดูแล และสัญญาว่าจะดูแลคนในหน่วยงานของอย่างดีที่สุด เพราะน้องบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อผู้ป่วยด้วยความทุ่มเทและเสี่ยงภัย

            ทั้งนี้ความในใจจากหนึ่งในทีมประสานงานช่วยเหลือน้องอุ้ม ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือให้น้องปลอดภัย ทั้งส่วนการรักษา การลำเลียงส่งต่อ การบริจาคเลือด บริจาคทรัพย์ และการจัดการเรื่องต่าง ๆ  ขอกำลังใจคนไทยทุกคนส่งให้กับพยาบาลตัวน้อยของชายแดนตากตะวันตกคนนี้ ให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสให้กับคนไข้ของเธอและพวกเราทุกคนอีกครั้ง  กลับมาเป็นเทียนเล่มน้อยที่ส่องแสงเพื่อผู้คนที่ชายแดนแห่งนี้เร็ว ๆ นะน้องอุ้ม

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าหมอชายแดน
 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เรื่องเล่าอีกด้าน พยาบาลอุ้ม ยอมอยู่พื้นที่กันดาร แม้มีลางอาจประสบอุบัติเหตุ แต่ขอสู้เพื่อคนไข้ อัปเดตล่าสุด 20 มกราคม 2565 เวลา 09:45:43 16,664 อ่าน
TOP