ลูกใจสลาย ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรม ย้อนอุบัติเหตุพ่อ หมอผิวหนังศิริราช ข้ามถนนถูกบิ๊กไบค์ทหารชนเสียชีวิต ศาลชี้สำนึกผิด ให้รอลงอาญา ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัว หมอกระต่าย
วันที่ 24 มกราคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เล่าถึงอุบัติเหตุที่พรากชีวิตคุณพ่อไป โดยระบุว่า เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน พ่อของผม หมอผิวหนังจากศิริราชพยาบาล เดินข้ามถนนที่ไม่ใช่ทางม้าลายหน้าคลินิกของตัวเอง เพื่อไปซื้อกับข้าวเพื่อกินกับครอบครัว แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีรถบิ๊กไบค์ขับมาด้วยความเร็วสูง แซงซ้ายหลบรถบรรทุกที่กำลังจะยูเทิร์น ทำให้ชนพ่อผมอย่างแรง มาทราบตอนหลังว่า คนชนเป็นทหารเกณฑ์ ไม่มีใบขับขี่ ยืมรถเพื่อนมา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ส่วนพ่อของผมได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะหน้ากระแทกกับพื้นคอนกรีตอย่างจัง สมองได้รับการกระเทือนอย่างรุนแรง และเสียเลือดมาก ซึ่งได้นำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยคืนนั้นพ่อของผมได้ย้ายมาที่โรงพยาบาลศิริราชทันที ผมได้แต่ภาวนาในใจว่า สวรรค์คงไม่อยากพาพ่อผมไปไวเท่าไร เพราะพ่อผมเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร รักษาคนไข้ยากจนฟรีมาก็เยอะ เป็นที่รักของอาจารย์หมอและเพื่อน ๆ คณะแพทย์ศิริราชและรามาทั้งหลาย
แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน อาการของพ่อผมก็แย่ลงเรื่อยไป
เพราะโดนชนตรงจุดสำคัญ และ สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
โดยแพทย์วินิจฉัยว่า คงหวังพึ่งปาฏิหาริย์ได้ยาก
หรือต่อให้พ่อผมฟื้นขึ้นมาก็จะเป็นผักตลอดชีวิต
มันทำให้ผมและครอบครัวใจสลาย
และต้องยอมให้คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจให้ท่านได้ไปสบายก่อนพวกเรา
ความรู้สึกหลังจากที่ต้องสูญเสียพ่อผมไป ในช่วงแรกเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะเราไม่มีเวลาได้เตรียมใจอะไรมาก่อน ลองคิดดูว่าก่อนหน้านั้น ผมกับพ่อยังนั่งกินข้าว ดูทีวีด้วยกันอยู่เลย มาวันนี้ท่านจากเราไปซะแล้ว แต่คนที่เสียใจที่สุดคงไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณแม่ของผมที่ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อมาตลอด
ผมต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง ทั้งที่ข้างในใจแตกสลาย เพราะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ทั้งงานศพ แจ้งข่าว คุยประกัน ตามเรื่องคดี และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ตามเข้ามาแทบทุกวัน เพราะครอบครัวก็ไม่รู้ว่า คุณพ่อทำประกัน ซื้อหุ้น หรือทรัพย์สินอะไรไว้บ้าง เรียกได้ว่าเหนื่อยและเครียด ต้องมานั่ง List ปัญหา และแบ่งหน้าที่กันเคลียร์ไปทีละเรื่อง จนพอจะมีเวลามาตามเรื่องคดีต่อได้
คดีแพ่ง : ทางจำเลยที่ขับรถชนพ่อของผมที่บ้านมีฐานะยากจน จึงจ่ายเงินให้ครอบครัวผมประมาณ 3 แสนบาท (จำตัวเลขชัด ๆ ไม่ได้) ซึ่งมันเทียบไม่ได้อยู่แล้วกับสิ่งที่ครอบครัวผมที่ต้องสูญเสียคุณพ่อไปตลอดกาล
คดีอาญา : (ศาลทหาร)
- ศาลทหารชั้นต้นตัดสินว่า จำเลยมีความผิดแต่ยอมรับสารภาพ จำคุก 2 ปี แต่ไม่มีคดีมาก่อน รอลงอาญา
- ศาลทหารชั้นกลางตัดสินว่า จำเลยมีความผิด แต่สำนึกผิดแล้ว รอลงอาญาเหมือนเดิม
จนตอนนี้มาถึงศาลทหารสูงสุด ซึ่งได้เลื่อนคำพิพากษามาเรื่อย ๆ เพราะ Covid...
คนที่อ่านมาถึงจุดนี้คงจะรู้ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรและครอบครัวผมก็ทำใจและขอไว้อาลัยกับกระบวนการยุติธรรม โดยหวังแค่ให้กฎแห่งกรรมทำงานตามเวลาของมันไป สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวคุณหมอกระต่าย ผ่านเรื่องร้าย ๆ นี้ไปให้ได้ไว ๆ และขอให้กฎหมายบ้านเรารวมถึงกระบวนการยุติธรรมควรปฏิรูปได้ซะที
วันที่ 24 มกราคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้เล่าถึงอุบัติเหตุที่พรากชีวิตคุณพ่อไป โดยระบุว่า เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน พ่อของผม หมอผิวหนังจากศิริราชพยาบาล เดินข้ามถนนที่ไม่ใช่ทางม้าลายหน้าคลินิกของตัวเอง เพื่อไปซื้อกับข้าวเพื่อกินกับครอบครัว แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีรถบิ๊กไบค์ขับมาด้วยความเร็วสูง แซงซ้ายหลบรถบรรทุกที่กำลังจะยูเทิร์น ทำให้ชนพ่อผมอย่างแรง มาทราบตอนหลังว่า คนชนเป็นทหารเกณฑ์ ไม่มีใบขับขี่ ยืมรถเพื่อนมา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ส่วนพ่อของผมได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะหน้ากระแทกกับพื้นคอนกรีตอย่างจัง สมองได้รับการกระเทือนอย่างรุนแรง และเสียเลือดมาก ซึ่งได้นำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยคืนนั้นพ่อของผมได้ย้ายมาที่โรงพยาบาลศิริราชทันที ผมได้แต่ภาวนาในใจว่า สวรรค์คงไม่อยากพาพ่อผมไปไวเท่าไร เพราะพ่อผมเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร รักษาคนไข้ยากจนฟรีมาก็เยอะ เป็นที่รักของอาจารย์หมอและเพื่อน ๆ คณะแพทย์ศิริราชและรามาทั้งหลาย
ความรู้สึกหลังจากที่ต้องสูญเสียพ่อผมไป ในช่วงแรกเหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะเราไม่มีเวลาได้เตรียมใจอะไรมาก่อน ลองคิดดูว่าก่อนหน้านั้น ผมกับพ่อยังนั่งกินข้าว ดูทีวีด้วยกันอยู่เลย มาวันนี้ท่านจากเราไปซะแล้ว แต่คนที่เสียใจที่สุดคงไม่ใช่ผม แต่เป็นคุณแม่ของผมที่ใช้ชีวิตอยู่กับคุณพ่อมาตลอด
ผมต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็ง ทั้งที่ข้างในใจแตกสลาย เพราะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ ทั้งงานศพ แจ้งข่าว คุยประกัน ตามเรื่องคดี และแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ตามเข้ามาแทบทุกวัน เพราะครอบครัวก็ไม่รู้ว่า คุณพ่อทำประกัน ซื้อหุ้น หรือทรัพย์สินอะไรไว้บ้าง เรียกได้ว่าเหนื่อยและเครียด ต้องมานั่ง List ปัญหา และแบ่งหน้าที่กันเคลียร์ไปทีละเรื่อง จนพอจะมีเวลามาตามเรื่องคดีต่อได้
คดีแพ่ง : ทางจำเลยที่ขับรถชนพ่อของผมที่บ้านมีฐานะยากจน จึงจ่ายเงินให้ครอบครัวผมประมาณ 3 แสนบาท (จำตัวเลขชัด ๆ ไม่ได้) ซึ่งมันเทียบไม่ได้อยู่แล้วกับสิ่งที่ครอบครัวผมที่ต้องสูญเสียคุณพ่อไปตลอดกาล
คดีอาญา : (ศาลทหาร)
- ศาลทหารชั้นต้นตัดสินว่า จำเลยมีความผิดแต่ยอมรับสารภาพ จำคุก 2 ปี แต่ไม่มีคดีมาก่อน รอลงอาญา
- ศาลทหารชั้นกลางตัดสินว่า จำเลยมีความผิด แต่สำนึกผิดแล้ว รอลงอาญาเหมือนเดิม
จนตอนนี้มาถึงศาลทหารสูงสุด ซึ่งได้เลื่อนคำพิพากษามาเรื่อย ๆ เพราะ Covid...
คนที่อ่านมาถึงจุดนี้คงจะรู้ได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรและครอบครัวผมก็ทำใจและขอไว้อาลัยกับกระบวนการยุติธรรม โดยหวังแค่ให้กฎแห่งกรรมทำงานตามเวลาของมันไป สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวคุณหมอกระต่าย ผ่านเรื่องร้าย ๆ นี้ไปให้ได้ไว ๆ และขอให้กฎหมายบ้านเรารวมถึงกระบวนการยุติธรรมควรปฏิรูปได้ซะที