พยานเล่านาที ส.ต.ต. ขับบิ๊กไบค์ชน หมอกระต่าย เสียงบิดดังสนั่น ก่อนพุ่งชนร่างลอยกระแทกพื้น ด้าน โฆษก ตร. ยันไม่ได้ละเลยให้เป็นศพนิรนาม แต่ไม่รู้จะโทร. หาใคร เพราะมือถือล็อก
จากกรณี หมอกระต่าย หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูก ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขับรถบิ๊กไบค์ชนขณะเดินข้ามทางม้าลายจนเสียชีวิต ซึ่งกลายเป็นประเด็นเดือดในสังคม รายการ โหนกระแส วันที่ 24 มกราคม 2565 สัมภาษณ์ พ.ต.อ. สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร., นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพี่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย รวมทั้ง ตี๋ สมชาย (นามสมมติ) พยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
ตี๋ยืนยันว่าคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นที่หมอกระต่ายถูกรถชน ? ตี๋ : ใช่ครับ
คุณคือแกร็ปอยู่ซ้ายสุดในคลิป ตอนคุณขี่มา คุณเห็นคุณหมอเดินมาไหม ? ตี๋ : เห็นครับ ก็ชะลอ เพราะเป็นทางม้าลาย ทุกครั้งที่เห็นทางม้าลายจะชะลอ เพราะไม่รู้จะเกิดเหตุตอนไหนถ้าคนข้ามมา
หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ? ตี๋ : ได้ยินเสียงดังสนั่นด้านขวามือ รถชนคุณหมอครับ
ผมก็เหลือบไปเห็นคุณหมอลอยกระแทกลงพื้น และไถลมาทางผม
ตอนนั้นเลือดคุณหมอไหลออกมาทางศีรษะเยอะมาก แขนคุณหมอขยับอยู่
เหมือนขยับพลิกอะไรบางอย่าง มีเสียงฮัมที่คอเบา ๆ
ผมก็วิ่งไปดูคู่กรณีว่าเป็นยังไงบ้าง เห็นเขานอนคว่ำหน้า แต่ขากระดิกอยู่
ก็คิดว่าไม่เป็นไร ก็วิ่งมาดูคุณหมอ
ทีนี้วินมอเตอร์ไซค์กับอีกคนบอกให้ผมไปตามเก๋ง เขาบอกเก๋งชน
ผมก็บอกว่าใช่เหรอ ทีนี้เก๋งไปจอดไฟแดงข้างหน้า ผมก็ตามไป
แต่เก๋งบอกว่าเขาไม่ได้ชน ผมก็บอกว่าถ้าพี่ไม่ได้ชน พี่ช่วยวนกลับไปดูหน่อย
เผื่อมีกล้องมีอะไร ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิด
คนคิดว่ารถอีกคันชนด้วยซ้ำ เพราะเหตุการณ์เร็วมาก แต่ปลายตาคุณเชื่อว่ายังไงก็มอเตอร์ไซค์ชน ? ตี๋ : ใช่ครับ ผมเห็นชนตึ้ง มอเตอร์ไซค์กลิ้ง หมอลอยกระเด้งมาฟาดกับพื้น
ตอนที่คุณขี่ไป มอเตอร์ไซค์มาตามหลังคุณ คุณได้ยินไหมเขาบิดขนาดไหน ? ตี๋ : โหย บิดดังมากครับ สนั่นเลย
เขาพูดกันว่าตำรวจนายนี้บิดมาประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นไปได้ไหม ? ตี๋ : ผมไม่ทราบ แต่เสียงมันดังเข้ามาในหมวกผมเลย
เห็นว่าเหตุการณ์วันนั้นคุณตกใจมาก ? ตี๋ : กลัวเลือดครับ
ไม่ชอบเลือด ผมเห็นคุณหมอร้อง ฮัมในลำคอ ไม่รู้จะทำยังไง
พี่เขาก็บอกให้ไปตามรถเก๋งคันที่ชน
เราก็ไม่อยากดูเพราะกลัวเลือดอยู่แล้วด้วย
รถมอเตอร์ไซค์ที่เขาปาดออกไป คุณว่ามากกว่า 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไหม ? ตี๋ : ผมไม่ฟันธง แต่เขาขับมาเสียงดังมากจริง ๆ ดังเข้ามาในหมวกกันน็อกที่ผมครอบอยู่ครึ่งหู
ประมาณการได้ไหม ? พ.ต.อ. สุกิจ : เรื่องประมาณความเร็วอยากให้ผู้เชี่ยวชาญทางนี้มากกว่า
เราสามารถดูได้จากหลายทาง เช่น
กรณีกล้องจุดแรกถึงจุดที่เกิดเหตุใช้เวลาเท่าไหร่
ผู้เชี่ยวชาญเขาพอที่จะคำนวณได้
ความเร็วอีกส่วนจะปรากฏร่องรอยในที่เกิดเหตุ เช่น รถชน
ลื่นไถลมีรอยกระเด็นไปไกลเท่าไหร่เป็นหลักการ ผู้เชี่ยวชาญเขาจะคำนวณได้
อาจารย์สัมภาษณ์ว่าน่าจะมีการแจ้งข้อหาหนักกว่านี้ ? นพ.ธนะพงศ์ : เรื่องความเร็วเห็นด้วยกับท่านรองผู้การว่าควรหาหลักฐานแวดล้อม
เช่น ดูคลิปหลาย ๆ คลิป เทียบเคียงกับความเร็วกับระยะทาง
บังเอิญเขาไม่มีรอยเบรก ถ้ามีรอยเบรกมันคำนวณความเร็วได้ ถ้ามีการชน เช่น
ชนรถยนต์ ก็คำนวณจากแรงปะทะ การยุบตัวของรถ
แต่อันนี้ต้องไปดูคลิปการใช้ความเร็ว แต่ก็แอบคิดในใจ ตัวเลข 80
คือตัวเลขกฎหมาย ความเร็วกฎหมายไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อเซฟ
ลักษณะการขับขี่ ตบออกขวาแล้วใช้ความเร็วตะบึงไปเลย ผิดกฎหมายไหม ? นพ.ธนะพงศ์ : อย่างที่เรียน อาจต้องเอาข้อมูลมาประกอบในสำนวน
อาจต้องไล่กล้องตั้งแต่เขาออกจาก บช.น. พูดง่าย ๆ ว่า
พฤติการณ์การขับขี่มาแนบในสำนวนฟ้อง ตรงนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญ
เฉพาะที่เราเห็น พอเลี้ยวแล้วตัดเข้าขวาแล้วขับด้วยความเร็ว พอไม่ชะลอ
เมื่อถึงทางม้าลาย หรือเบี่ยงออกขวา ทั้งที่มีทางม้าลาย
ก็เป็นลักษณะที่ไม่อยากใช้แค่คำว่าประมาท
เป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย
ท่านรองมองเหมือนกันไหม ? พ.ต.อ. สุกิจ : อย่างที่คุณหมอแจ้ง
ถ้าเราจะดำเนินคดีในเรื่องขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย
เราต้องดูถึงพฤติการณ์ขับขี่ของผู้ขับขี่ด้วย แต่ที่แน่ ๆ ที่เราเห็นในภาพ
การที่เขาออกโค้งแล้วตีขวาทันที มันค่อนข้างผิดกฎหมายอยู่แล้ว
พนักงานสอบสวนมีการแจ้งข้อหาแล้ว
ปกติรถจักรยานยนต์ต้องขับรถโดยไม่ชิดขอบด้านซ้าย อันนี้ภาพก็ฟ้องยู่แล้ว
โดนไป
7 ข้อหา ขับประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ,
ขับไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย, ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย,
เอารถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้, รถที่มีส่วนควบไม่ครบ
ไม่มีกระจกนำมามาใช้, นำรถไม่เสียภาษีมาใช้, นำรถไม่มีพ.ร.บ. มาใช้ 7
ข้อหานี้ เขาเป็นตำรวจแน่ ๆ เหรอ ? พ.ต.อ. สุกิจ : ก็เป็นแน่ครับ อย่างที่หลักฐานปรากฏเราก็ต้องดำเนินคดีทุกข้อกล่าวหา
แม้เขาเป็นตำรวจหรือประชาชนเมื่อเกิดเหตุขึ้นมา
โดยนโยบายท่านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กรณีอย่างเช่นรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
ท่านเป็นมาตรการสำคัญเลย คุณหนุ่มคงทราบช่วงก่อความวุ่นวายที่แยกดินแดง
ตำรวจก็จับอยู่ตลอด แม้แต่ตำรวจถูกดำเนินคดีก็มี
ตรงนี้ขออนุญาตเรียนให้ทราบว่าไม่ว่าตรวจถ้าทำผิดเราก็ดำเนินคดี
นพ.ธนะพงศ์ : ใน 7 ข้อหา ลักษณะนี้เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท พอขึ้นศาล
ศาลก็จะพิจารณาในความผิดบทที่หนักที่สุดคือข้อแรก แต่จะว่าไปแล้ว ข้อ 2-7
ส่วนใหญ่เป็นโทษปรับ โทษหนักจริง ๆ ข้อเดียว
แต่เผอิญเราอยากเห็นว่าต่อไปเกิดเหตุทางม้าลาย ต้องไม่ใช่เหตุปกติ
ต้องไม่ใช่แค่ประมาท
ถ้าเรื่องนี้ปรากฏเด่นชัดหรือเป็นตัวอย่างให้สังคมรับรู้ว่าคนบนทางม้าลายซีเรียสนะ
ทางตำรวจเอาจริงนะ ผมคิดว่าอันนี้จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงให้สังคมรับรู้
กฎหมายทางม้าลายเขามีข้อจำเพาะอะไรบ้าง ? พ.ต.อ. สุกิจ : ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ระบุไว้ครบถ้วนหมดเลย
ว่าหนึ่งผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามเครื่องหมายที่ปรากฏบนพื้นทาง
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายไฟแดง สัญญาณให้เลี้ยว
สัญญาณระมัดระวังอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งรวมทางม้าลายด้วย
สองทางม้าลายกฎหมายระบุไว้เลยว่าผู้ขับขี่ต้องขับอย่างระมัดระวัง
และให้สิทธิ์ผู้ข้ามทางไปก่อน ตรงนี้ชัดเจน ตัวบทกฎหมายระบุไว้ชัดเจน
สำคัญอยู่ที่ผู้ขับขี่ปฏิบัติตามกฎจราจรหรือไม่
บางคนบอกตำรวจเองไม่จริงจัง มองยังไง ? พ.ต.อ. สุกิจ : ตอนนี้จับวันหนึ่งจำนวนมากมาย
ทุกความเร็ว ไม่ว่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จักรยานยนต์ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย
จับอยู่ตลอด จำเพาะเรื่องทางม้าลายไม่ค่อยเห็น
ถ้ามีทางม้าลาย มีคนข้าม แล้วรถมาปาดออกเลย ? พ.ต.อ. สุกิจ : ถ้ามีหลักฐานก็ต้องดำเนินคดีครับ ถ้ามีความผิด ถ้ามีคนจะข้ามแต่รถไม่ให้ข้ามถือว่าเป็นความผิด อัตราโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
จะมีหน่วยงานไหนไปยืนจับก็ลำบาก ? พ.ต.อ. สุกิจ : เรียนตามข้อเท็จจริงว่าการบังคับใช้กฎหมาย
ณ ขณะนี้ มีอุปสรรคบางประการ เนื่องจากเมื่อไม่กี่ปีมานี้
เวลาตำรวจออกใบสั่ง ไม่มีการยึดใบขับขี่แล้ว
ก็มีประชาชนจำนวนมากเก็บไว้อย่างที่เป็นข่าว บางคนโดน 10-20
ใบไม่ไปเสียค่าปรับ มันเป็นปัญหาแรก พอประชาชนไม่เคารพกฎหมาย พูดง่าย ๆ
ทำผิดก็ผิดไป ไม่ยอมเสียค่าปรับซะอย่าง การบังคับใช้กฎหมายก็อ่อนแอลงไป
เหมือนทางฝั่งประชาชนไม่เคารพกฎหมาย ท่านมองอย่างนี้ไหม ? นพ.ธนะพงศ์ : คิดว่าเราต้องยกระดับเรื่องนี้
ถ้าจะส่งสัญญาณจริงจัง เราสามารถใช้การนำเทคโนโลยี คนในสังคมเริ่มเรียนรู้
ถ้าเขาทำพฤติกรรมนี้แล้วไม่รอด อาจมีกล้องหน้ารถ CCTV
ผมว่าอย่างแรกต้องให้เขารับรู้เรื่องนี้ สองพอเขาถูกดำเนินคดี
ต้องให้เขารู้สึกว่ามันไม่คุ้ม เช่น ทั้งค่าปรับ
และส่งข้อมูลชุดนี้ให้สังคมรับรู้ว่าเขาได้ทำความผิดเรื่องนี้
หรือส่งให้ต้นสังกัดได้รับรู้ ถ้าเราทำอย่างนี้สม่ำเสมอ
พฤติกรรมลักษณะนี้ก็จะเริ่มถูกพูดถึง
พูดง่าย
ๆ คือตำรวจก็มีคนมาช่วยจัดการเรื่องนี้ หลาย ๆ ประเทศ เขาอาจมีต้นทุนที่ดี
มีวิถีสังคมที่ให้ความสำคัญกับทางม้าลาย ปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก
แต่ของเราไม่มีต้นทุนแบบนั้น ของเราในการทำเรื่องนี้
ต้องมาเน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย
ปีนึงคนใช้ถนนแล้วเดินข้ามทางม้าลาย ตายกี่คน ? นพ.ธนะพงศ์ : ปีนึงตัวเลข 6 เปอร์เซ็นต์ของคนเดินถนน เฉลี่ยต่อปีก็ประมาณ 2 หมื่น 6
เปอร์เซ็นต์ก็ประมาณ 1,200 ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 ก็ตกประมาณ 400-500 คิดง่าย ๆ
คือ 500 ก็ได้ อาจวันละคน 2 คน
เฉลี่ยปีหนึ่งคนข้ามทางม้าลายแล้วตาย ปีนึง 500 คน ประมาณนั้น ผมว่ามันมากกว่าวันละคนนะ เกือบ 2 คนต่อวัน ? นพ.ธนะพงศ์ : ก็คือทั้งประเทศ
แล้วอีกอย่างเรื่องนี้จะว่าไปต้องขยับเป็นวาระให้มีการจัดการ
แต่พอพูดถึงวาระ ก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านเรามีเรื่องแบบนี้ซ้ำ ๆ ถ้าจำได้ปี 62
มีเคสน้องลิ้นจี่ที่มาทำงานวันแรกแล้วถูกรถชนตาย บิ๊กไบค์ชนที่แยกผังเมือง
ทำงานวันแรก หลังจากนั้นก็มีรองนายกฯ
มาบอกว่าเรื่องนี้ต้องมีการจัดการอย่างจริงจัง สังคมเราก็แต่อย่างนี้
เน้นแต่เรื่องสั่งการ จะทำยังไงให้มีการลงมือทำและการติดตาม
อยู่ในสายกับ
พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ตอนนี้สังคมกำลังถามเรื่องศพคุณหมอ หลังเกิดเหตุหายไป 2 ชั่วโมง
มันเกิดอะไรขึ้น ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขอแสดงความเสียใจกับคุณหมอด้วย คุณหมอมีคุณค่าและกำลังจะมาช่วยดูแลพวกเรา
เรื่องนี้สะเทือนใจพวกเราหลายคน และขอโทษสังคมด้วยว่าคนของเรา เด็ก ๆ
ของเราในฐานะผู้รักษากฎหมายมาทำผิดเสียเอง มาถึงประเด็นที่ถาม
เวลาเกิดเหตุมันเวลา 15.00 น. เศษ ๆ หลังเกิดเหตุ
พนักงานสอบสวนมาที่เกิดเหตุเวลาห่างกันสัก 10-15 นาที
ตามหลักการทรัพย์สินของผู้เจ็บหรือผู้ตาย
พนักงานสอบสวนต้องเก็บรวบรวมไปสถานีตำรวจเพื่อเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินผู้เกิดอุบัติเหตุ
และเพื่อพิสูจน์ทราบว่าผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บเป็นใคร
นี่คือกระบวนการทำงานปกติในการพิสูจน์ทราบคนบาดเจ็บหรือคนตาย
ทีนี้เราก็พบแล้วว่าเอกสารผู้ตายเป็นใคร เราก็พยายามค้นหาหลักฐานข้อมูลต่าง
ๆ เพื่อประสานงานญาติ ระยะเวลาที่เราตรวจสอบค้นหากินเวลา 20 นาทีเศษ ๆ
ไม่เกินครึ่งชั่วโมง
เราก็อยากโทรศัพท์จากมือถือเครื่องคุณหมอ แต่มันโทร. ไปไม่ได้ เพราะมันล็อกด้วยระบบ
บังเอิญมีเพื่อนคุณหมอคนนึงโทร.
เข้ามา เราก็บอกว่าช่วยหน่อยเถอะ ช่วยแจ้งญาติหรือผู้เกี่ยวข้อง
เราตรวจสอบหลักฐานเบอร์ต่าง ๆ แล้ว มันตรวจสอบไม่ได้
เพื่อนคุณหมอคนนี้ก็พยายามไปขวนขวายหาเบอร์มา สุดท้ายเขาก็หาไม่ได้
ไม่รู้จะติดต่อยังไง บังเอิญโชคดี เวลา 17.00 น. มีอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งโทร.
เข้ามาพอดี เราเลยบอกท่านไปว่าเกิดเหตุนี้ขึ้นมา
ให้ท่านช่วยประสานงานญาติหรือผู้เกี่ยวข้องที ก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ก็ตกประมาณ 17.30 น. ก็ปรากฏว่าได้เบอร์มา เราเลยแจ้งญาติเขาไป
ซึ่งก็สอดคล้องกับเวลาที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า
2 ชั่วโมง แปลว่าอะไร
ผมยืนยันว่าไม่มีการปล่อยปละละเลยที่จะหาญาติหรือแจ้งผู้เกี่ยวข้อง
แต่เราไม่รู้จะโทร. หาใครได้ เพราะสอบถามผู้กำกับพญาไท เอาชื่อคุณหมอ
คนเกี่ยวข้องที่ค้นพบมาหาในฐานะข้อมูลในระบบต่าง ๆ
ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเบอร์โทรประสานงานคือใคร
แต่โชคดีที่คุณหมอท่านนั้นประสานงานเข้ามา
กำลังจะบอกว่าไม่ได้ละเลย มีการประสานตลอด ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : ไม่ได้ละเลย จากเวลาที่แจ้งคุณหนุ่มคิดว่ามันสมเหตุสมผลไหม ถ้าไม่สมเหตุสมผล ลองถามว่าอะไรคือข้อบกพร่องที่ตำรวจละเลย
ผมเรียนได้เลยว่าเรื่องนี้ไม่มีเหตุผลที่ต้องไปปิดบังอำพราง
เราพยายามดำเนินการ ที่สำคัญหลังเกิดเหตุ
ผู้ต้องหาไปทำแผลที่โรงพยาบาลแล้วกลับมา
ไม่ทันเท่าไหร่เราก็แจ้งข้อกล่าวหาเลย ไม่ได้ทำอะไรพิสดารไปกว่ากรณีอื่นเลย
เราแจ้งข้อกล่าวหาในทันทีทันใน ไม่กี่ชั่วโมงนั้นเลย
ท่านอาจย้อนกลับไปเช็กประวัติการขับขี่ตำรวจนายนี้ ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : ในเรื่องพฤติกรรมขับขี่ ความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เต็มอัตราอยู่แล้ว
อย่างที่ท่านผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ ไม่ต้องสั่งเลย สน.พญาไท
ดำเนินการทุกข้อกล่าวหา ผบ.ตร.
ท่านก็กำชับว่าเรื่องนี้ต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นถึงความเอาจริงเอาจังโดยเร็วที่สุด
อาจเป็นข้อผิดพลาดของฝ่ายประชาสัมพันธ์ของผมเองที่ออกมาคุยให้สังคมฟังช้าไปนิดหนึ่ง
อันนี้ผมยอมรับว่าอาจประชาสัมพันธ์ หรือมาบอกเล่าช้าไป เลยเกิดประเด็น
ตั้งข้อสังเกตต่าง ๆ นานาไป แต่เท่าที่ผมเล่าให้ฟัง ผมคิดว่าพนักงานสอบสวน
สน.พญาไท ดำเนินการอย่างเต็มที่และไม่ได้ปล่อยปละละเลยอะไรเลย
มุมตำรวจได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาไหมเรื่องการใช้รถมอเตอร์ไซค์ต้องใช้รถที่ถูกกฎหมาย ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : ตลอดเวลา
มีหลายรายโดนดำเนินการเรื่องใช้รถผิดประเภท ผิดกฎหมาย ใช้รถผิดกฎจราจร
มันมีเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ยกตัวอย่าง เด็ก ๆ
คุณพ่อคุณแม่บอกอย่ากินเหล้าสูบบุหรี่แล้วทำไมถึงมีเด็กกินเหล้าสูบบุหรี่
ครูบาอาจารย์ก็สั่งสอนว่าอย่าเล่นการพนันนะ ทำไมบางท่านถึงเล่นการพนัน
ก็เป็นเรื่องของมนุษย์ที่ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร
แต่เราดำเนินการเคร่งครัดอยู่แล้ว
แต่เดี๋ยวจะมีคนแย้ง ว่านี่คือตำรวจไงครับ ผู้รักษากฎหมาย ? พล.ต.ต.ยิ่งยศ :
ผมยอมรับว่าเป็นผู้รักษากฎหมายก็ต้องดำเนินการในทางวินัยเคร่งครัดหรือมากกว่าคนปกติ
การเฆี่ยนตีต้องมากกว่าปกติอยู่แล้ว ผมยอมรับเลย มากกว่าการทำผิดของคนปกติ เรื่องนี้ผิดมากกว่าคนปกติด้วย
ผมในฐานะผู้บังคับบัญชาก็ต้องขอโทษสังคม ว่าคนของเราผิด
เราก็ต้องนำไปดำเนินการอย่างเด็ดขาด เคร่งครัดต่อไป
กรณีนี้โทษจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มไหมนอกจาก 7 คดีนี้ ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : ถ้าพบว่ามีอีก
ก็ต้องดำเนินการอีก ผมคุยกับผู้กำกับพญาไท ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวน
ถ้าพบว่ามีอะไรเพิ่มเข้ามาอีก ก็แจ้งไปอีกได้เรี่อย ๆ
ตอนนี้ก็เป็นโทษสูงสุดอยู่แล้ว
อะไรจะพ่วงมาเป็นความผิดได้ก็ต้องดำเนินการอยู่แล้ว
มีอะไรอยากฝากตร.ใต้บังคับบัญชาไหม บางคนถืออาวุธปืนไปไล่ยิงชาวบ้าน หรือขับรถโอนลอยมาไม่มีชื่อตัวเองไม่มี
พ.ร.บ. ตำรวจเหล่านี้ท่านอยากบอกอะไรเขาไหม ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : เหล่านี้เป็นเรื่องที่เราต้องดูแล รักษากฎหมาย ถ้าท่านทำผิดเสียเอง
ก็เป็นความผิดร้ายแรงกว่าคนปกติทำ
ขอร้องว่านอกจากจะโดนความผิดทั้งวินัยและอาญาแล้ว
ยังเป็นเรื่องการเผาบ้านตัวเองทำลายองค์กรให้เสื่อมเสีย
ขาดความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชน ก็ขอร้องว่าทำอะไรให้รอบคอบ
และคิดถึงวันแรกที่เราสมัครใจเข้ามา เราปฏิญาณตนว่าจะทำดียังไง
คิดถึงคนรอบตัว ลูกหลาน
พ่อแม่พี่น้องที่จะได้รับผลกระทบกับการกระทำของเราในวันนี้
นพ.ธนะพงศ์ : เป็นไปได้ไหมว่าต่อไปการเกิดเหตุบนทางม้าลาย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจริงจังในการเอาโทษความผิดที่ไม่ใช่แค่ความประมาทให้สังคมได้ปรากฏชัดว่าทางม้าลายต้องปลอดภัยครับ
พล.ต.ต. ยิ่งยศ : เป็นไปได้ครับ เมื่อกี้คุยกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
ก็กำลังคุยเรื่องนี้อยู่ว่าถ้าเรื่องนี้เราจะถือโอกาสเอามาเป็นบทเรียน
และจะได้จริงจังเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้น และเพิ่มบทลงโทษ
จับผู้กระทำความผิดให้จริงจังขึ้น ทางม้าลายตาม พ.ร.บ.จรจาร
ต้องหยุดให้คนข้าม หรือต้องชะลอรถไม่ว่าจะมีคนหรือไม่มีคน
แต่ก็ทำกันจนเป็นมาตรฐานที่เสียหายว่าไม่มีรถคันไหนหยุดชะลอเลยต้องเคร่งครัดการใช้กฎหมายให้มากขึ้น
ท่านรู้สึกยังไง ที่ท่าน ผบ.ตร. บอกว่า ตำรวจไม่ดีเหมือนนิ้วที่ต้องตัดทิ้ง วันนี้คนบอกนิ้วจะเป็นโดราเอมอนอยู่แล้ว ? พล.ต.ต. ยิ่งยศ : ก็แล้วแต่มุมมอง
เป็นองค์กรเดียวที่แก้ผ้าให้สังคมพิสูจน์ทราบได้ตลอดเวลา
เราอยู่ทุกมิติของสังคม โอกาสเจออะไรผิดพลาดมันมีแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ผมอยากบอกว่าคนที่รักษากฎระเบียบรักษากฎหมาย ทำตามหน้าที่
ต้องมีเยอะกว่า ไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้ ดูข่าวหลาย ๆ ข่าว
ผมมั่นใจว่าตร.ยังเป็นที่พึ่งได้
หลังฟังท่านโฆษกพูดคิดว่ายังไง ? นพ.ธนะพงศ์ :
ก็ดีใจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะใช้โอกาสนี้ยกระดับให้ทางม้าลายเป็นจุดที่มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น
แต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งของคดีนี้ ผมคิดว่าอาจต้องเรียนทางรองผู้การ
ให้ช่วยกันกระชับฝั่งพนักงานสอบสวน ผมคิดว่าตัวพฤติการณ์แวดล้อม
โดยเฉพาะทำสำนวนแนบฟ้อง
ถ้าอธิบายพฤติการณ์ได้ชัดก็จะเป็นดุลยพินิจของศาลชัดเจน คดีนี้โดยหลัก ๆ
โทษที่แรงที่สุดคือข้อแรก ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาม
โทษสูงสุดคือจำคุก 10 ปี แต่โดยเคสนี้ พอถึงชั้นศาล
ตัดสินมายังไงพอรับสารภาพก็ลดลงมากึ่งนึง แล้วอยู่ในวิสัยที่รอลงอาญาได้
เพราะใน 5 ปีท่านก็รอลงอาญา ก็ไม่มีใครติดคุกข้อหานี้
คุณวัน
อยู่บำรุง โพสต์ในเฟซบุ๊กเลยว่าแกมีเรื่องกองปราบให้จับติดคุก 1 คืน
แต่พอตำรวจเอง ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน มันคืออะไร ? พ.ต.อ. สุกิจ : เรื่องปล่อยตัวชั่วคราวเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
คดีนี้เป็นคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ถ้าพนักงานสอบสวนมองแล้วว่าปล่อยตัวชั่วคราว
หนึ่งไม่ได้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไม่ได้ไปคุกคาม พยาน
ก็สามารถใช้ดุลยพินิจตรงนี้ได้ อีกประเด็นคือกรณีนี้ยังไม่ได้ออกหมายจับ
หลังเกิดเหตุเขามามอบตัวทันที
การปล่อยชั่วคราวก็ต้องมีการลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่าถ้าเรียกมาเมื่อไหร่คุณต้องมาพบ
เรื่องรถมอเตอร์ไซค์
ชื่อไม่ได้เป็นของ ส.ต.ต. รายนั้นเป็นเจ้าของ เป็นชื่อคุณไพฑูรย์
อยู่เชียงราย เขาบอกว่าเขาขายรถคันนี้ไปนานแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน
ดูคาติที่ตำรวจคนนี้ขี่ไปชน เจ้าของเก่าบอกขายให้พ่อค้าไป
แล้วเซ็นโอนลอยไปให้ ตำรวจไปเอารถคันนี้มาจากไหน
อย่างนี้จะมีความเชื่อมโยงยังไง พ.ร.บ. ไม่มี ? พ.ต.อ. สุกิจ : ก่อนมาก็ทำการบ้านมาเบื้องต้น
สอบถามผู้บังคับบัญชาของเขา ได้ความมาว่า ส.ต.ต.
ซื้อรถมาเมื่อเดือนธันวาคมปี 64 การซื้อขายรถ
ประเทศไทยก็ทำแบบนี้เกือบทั้งนั้นคือโอนลอย ลองไปดูตามเต็นท์รถสิ
ไม่มีใครโอนเป็นชื่อเจ้าของเต็นท์ เพราะมันมีประเด็นเรื่องเสียภาษี
เสียค่าธรรมเนียมในการโอน ถึงแม้เราไปซื้อรถมือสอง
ถ้าโอนหลายต่อก็มองแล้วว่าเป็นรถสภาพไม่ดี ขนาดผมซื้อรถมือสองก็ดูตรงนี้
พอโอนลอย อาจไปทอดที่หนึ่ง สอง สาม ไม่โอนกันซะที
ก็ฝากประชาชนเวลาขายรถต้องโอนให้ขาด สัญญาซื้อขายต้องระบุให้ชัดเจน
อย่างน้อยป้องกันตัวเองเวลาเกิดเหตุขึ้นมาไม่ต้องมารับผิดชอบ
นี่เป็นประเด็น
นพ.ธนะพงศ์ : ในมุมความปลอดภัย มีอีกมิติ คือข้อกำหนดกรมการขนส่งทางบก
รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่เกิน 400 ซีซี การจำหน่ายต้องมีการอบรมก่อนจำหน่าย
อบรมด้านการขับขี่ปลอดภัย พูดง่าย ๆ ต้องไปเรียนรู้
แต่พอโอนกันลักษณะแบบนี้ พูดง่าย ๆ ก็ไม่ได้ไปอบรมกันแล้ว
อย่างเมื่อกี้ที่เห็น เขาจะสอนว่าถ้ามาถึงทางม้าลายจะชะลอยังไง
การคาดการณ์ที่ถูกต้อง
เห็นรถข้างหน้าชะลอต้องคาดการณ์ได้ว่าน่าจะมีคนเดิน
ต้องเป็นพื้นฐานการสอนอยู่แล้ว ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าได้ไปเรียนรู้ไหม ผมอยากให้มีการมาเข้มกับตรงนี้ ของสิงคโปร์เขาปลูกฝังตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน
หลักการข้ามถนนอย่างหนึ่งต้องเน้นย้ำคือต้องมีสติ
ทีนี้การมีสติต้องทำให้เขาหันมาจดจ่อกับการข้าม เทคนิคคือการมองซ้ายมองขวา
ยกมือ ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องทำให้เกิดขึ้นในบ้านเราตั้งแต่เด็กเลย
แต่เขาไม่ค่อยมีรถเลย ของเราบางทีจอดเรียงกันมันแทรก ? นพ.ธนะพงศ์ : บ้านเราผู้ปกครองไม่กล้าให้มาเดินแบบนี้
เพราะกลัวว่าลูกจะไปไม่ถึงโรงเรียน บางทีรถก็ไม่จอด ตรงนี้มันพันกันอยู่
เรื่องการทำให้การเดินถนนต้องปลอดภัย พื้นที่ทางม้าลายต้องปลอดภัย
เป็นเรื่องสำคัญ
ตี๋อยู่บนท้องถนนบ่อย เคยเห็นเหตุการณ์อะไรแบบนี้ไหม ? ตี๋ : เมื่อปีที่แล้วก็เห็นอยู่ครับ
มอเตอร์ไซค์ย้อนศรเพื่อกลับรถ
แล้วผู้เสียหายเขามาถูกทางแต่ถูกชนกระเด็นออกมาทางผม ผมก็โยกหลบ
แต่คันหลังเขาหลบไม่ทัน ชนหนักมาก กระดูกแขนโผล่ออกมาเลย
แต่ไม่ใช่ทางม้าลาย
ตี๋ต้องไปให้การด้วยไหม ? พ.ต.อ. สุกิจ : ถูกต้องครับ
เขามาเร็วและแรงมาก ? ตี๋ : เสียงมันดังมาก ดังเข้ามาในหมวกผม ถ้าดังมาในหูแสดงว่าต้องบิดมาแรงอยู่แล้ว
หลังชนคุณหมอไปอยู่ที่พื้น อีกนานไหมกว่าจะมีคนมาช่วยไปโรงพยาบาล ? ตี๋ : ตอนนั้นผมขับรถไปตามเก๋งให้เขาหยุด
เพราะมีคนบอกว่าเก๋งชน แต่ทีนี้ผมมีงานต้องส่งให้ลูกค้าด้วย
ผมบอกพี่วินว่าช่วยบอกเขาว่าถ้าไม่ผิดก็ให้วนกลับมาดูหน่อยเผื่อมีกล้อง
เพราะเขาเห็นว่าพี่เป็นคนชน ผมก็ไปทำหน้าที่ต่อไป
ตอนนั้นตัวคุณหมอพยายามกระดิกแขนข้างขวา แต่พลิกไม่ได้
มีเสียงฮัมออกมาจากคอเบา ๆ
มีคลิปเหตุการณ์รถมอเตอร์ไซค์ชนคนบนทางม้าลาย ไม่ใช่คุณหมอ แต่เหตุการณ์เหมือนกันเลย ซัดเต็ม ๆ เหมือนกัน ? นพ.ธนะพงศ์ : เคสนี้ก็เสียชีวิต
เพราะลักษณะการชนของคนเรา ถ้ามีแรงเหวี่ยงเมื่อไหร่ศีรษะจะไปก่อน
ศีรษะจะฟาดพื้น พอพูดถึงความเร็ว ถ้าเป็นไปได้ ประสาน ดร.เอ้
อาจารย์ได้โพสต์เรื่องนี้ และผมคิดว่าได้ข้อคิดสำคัญ เวลาเกิดเหตุบ้านเรา
เราต้องการระบบสอบสวนอิสระ เช่นอาจารย์เป็นนายกวิศวกรรมสถาน
ให้เขามาพิสูจน์ได้เลยว่าใช้ความเร็วได้เท่าไหร่
ผมคิดว่าน่าจะเรียนเชิญอาจารย์มาช่วยวิเคราะห์เรื่องความเร็ว
แกก็ให้มุมมองเรื่องกายภาพการเรียนรู้ด้วย
กรณีทางม้าลายเขามีป้าย มีไฟ แต่จุดคุณหมอถูกชน ไฟเสีย ใครต้องซ่อม ? นพ.ธนะพงศ์ : พื้นที่ของ
กทม. น่าจะเป็นโจยท์ทีม กทม.
ส่วนใหญ่ครึ่งหนึ่งในการเกิดเหตุในบ้านเราน่าจะอยู่เมืองใหญ่ ประมาณ 30-40
เปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมืองใหญ่มีหลายช่องทาง รถจะเร็ว
เหตุก็มักเกิดจากจุดบังสายตา ซึ่งยิ่งหลายช่องทางจะยิ่งมีจุดบังสายตาเยอะ
เวลาตี๋เห็นทางม้าลายมักชะลอ ? ตี๋ : ใช่ครับ เพราะไม่รู้คนจะออกมาตอนไหนครับ
เคยอยู่ดี ๆ โผล่มามีไหม ? ตี๋ : มีครับ เป็นเด็กครับ
สถิติน่ากลัวนะ ตายปีหนึ่งบนทางม้าลาย เฉลี่ย 500 คน เกือบ 2 คนต่อวัน ? นพ.ธนะพงศ์ : เป็นสถิติก่อนช่วงโควิดครับ
ผมว่าเป็นสัญญาณที่เราต้องทำอะไรกับเรื่องความปลอดภัย
อาจต้องหันกลับมาทำทั้งระบบก่อน ทั้งการบังคับใช้ เรื่องกายภาพ
ความเสี่ยงจะเกิดชัดเจนเมื่อไหร่ก็ตามต้องข้ามถนนมากกว่า 2 ช่องจราจร
หนึ่งช่องยังอยู่ในวิสัยที่คนเดิน ของคุณหมอข้างละ 3 ช่อง เป็น 6
แต่มันมีจุดพักที่เกาะกลางเมื่อไหร่ก็ตามเกิน 2 ก็ถือว่าอันตรายแล้ว
บางทีเราอยากได้ไฟเคานต์ดาวน์
แต่ต้องระวังเหมือนกัน อย่างเคสเกิดที่อโศกมนตรี เขาเปิดสัญญาณไฟสั้น
เคสน้องนักข่าวที่แกรมมี่ อันนั้นเฟสไฟมันสั้น
เขาเห็นตัวเองได้ไฟเขียวก็รีบก้าวออกไป เลนซ้ายหยุด แต่เลนขวาไม่หยุด
ก็เสียชีวิตเหมือนกัน สัก 2-3 ปีเหมือนกัน
ในมุมจราจร จะบูรณาการหรือทำอะไรยังไง ? พ.ต.อ. สุกิจ : ขออนุญาตพูดในมุมมองตำรวจ
เรื่องอุบัติเหตุทั้งหลายแหล่ การป้องกันและปราบปราม
ปลูกฝังให้ประชาชนเคารพกฎจราจรนี่คือประเด็นแรก
ดูอย่างต่างประเทศเขาทำตั้งแต่เด็ก แต่ของไทยเรายังน้อยอยู่
สองผมว่าตรงนี้เป็นประเด็นหลักคือเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ณ
ขณะนี้เนื่องจากมีการเปลี่ยนระเบียบใหม่ เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจออกใบสั่ง
เราไม่สามารถยึดใบขับขี่ได้ แจกใบสั่งแทน แล้วแต่การกระทำความผิด ใบสั่งครบ
1 ปีก็ขาดอายุความ
ผมเชื่อว่าเดี๋ยวนี้ประชาชนไม่กลัวแล้ว
เรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและขนส่ง ผมเห็นว่าพยายามทำมาหลายปี
ในการออกมาตรการ หนึ่งถ้าถูกออกใบสั่งแล้วไม่ไปชำระ
เวลาไปต่อภาษีจะไม่ได้ป้ายสีเหลี่ยมที่แสดงหลักฐานเสียภาษี
คุณต้องไปจ่ายค่าปรับก่อน ถึงมารับใบจริง
การบังคับใช้กฎหมายต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ไม่ใช่ตำรวจจับปรับอย่างเดียว
วันนี้ออกใบสั่ง
ทำความผิดครบ 1 ปี ขาดอายุความ แล้วก็เริ่มต้นใหม่
แล้วระบบที่เมื่อก่อนที่มีการลิงก์กันระหว่างขนส่งและตำรวจใครมีใบสั่ง
ตำรวจจะลงข้อมูลคีย์ไว้ เวลาไปต่อใบขับขี่คุณจะเสียแต้มหรือถูกปรับ
มันไม่มีจริง ? พ.ต.อ. สุกิจ : มี แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะอะไร ? นพ.ธนะพงศ์ :
ผมคิดว่าเรื่องนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องให้สังคมรู้ว่าไปค้างที่ไหน
ในทางปฏิบัติคนลงนามเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ซึ่งไม่อยากบอกว่าค้างมาเป็นปีแล้ว ไม่แน่ใจว่าท่านรออะไร แต่สิ่งที่ตามมา
คือคนรู้สึกว่าใบสั่งไม่ศักดิ์สิทธิ์ บางคนใบสั่งมีเป็น 10-20-30
หรือเคยมีตำรวจทางหลวงเคยบุกไปจับ มีใบสั่งค้างอยู่ 96 ใบ
ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ พอคนไม่เกรงกลัว
เราก็จะเจอแต่คนหน้าเดิมที่เห็นกล้องก็เฉย ๆ ชิล ๆ
ผมว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่อันตราย
ท่าน รมต. ไม่เซ็นอะไร ? นพ.ธนะพงศ์ : เป็นความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงคมนาคม
ที่จะเชื่อมโยงในลิงก์ข้อมูล เพราะคนออกใบสั่งเป็นตำรวจ
พอไปถึงการต่อทะเบียน สมมติคุณหนุ่มเจอ 3 ใบสั่งในปีนี้ พอไปต่อทะเบียน
ขนส่งก็ให้ต่อเลย แต่ปกติไม่ควรได้ ควรให้ไปชำระค่าปรับให้เรียบร้อย
เพราะไม่มีการลิงก์กันระหว่างขนส่งและตำรวจ ? นพ.ธนะพงศ์ : ระบบที่คุยกันออกสื่อก็คุยกันมาตั้งนานแล้ว
เรารับรู้ว่ามีการจะเชื่อมระบบตั้งนานแล้ว แต่ไม่ขยับกันซะที
ก็อย่างที่เรียน อยากให้ท่านรองช่วยสะท้อนเรื่องนี้ให้สังคมช่วยกันรับรู้
ช่วยกันตั้งคำถาม ผมขอถามไปเลยว่าทางคมนานคม
ติดว่าจะพร้อมให้เกิดการเชื่อมโยง
และบังคับใช้เรื่องนี้อย่างครบวงจรได้ภายในเมื่อไหร่
หรือดีเดย์ไว้เลยว่าก่อนสงกรานต์นี้เราจะมีระบบนี้เกิดขึ้น
ทางตำรวจจะได้สบายใจ เพราะตอนนี้ระบบตำรวจกว่า 70-80
เปอร์เซ็นต์เป็นระบบอัตโนมัติ เป็นกล้องตรวจจับครับ
โดนไหมเรา ? ตี๋ : ไม่มีครับ ไม่เคยกระทำผิดครับ
พ.ต.อ. สุกิจ : ต้องบูรณาการทุกหน่วยงาน ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขนส่ง คมนาคม แล้วก็อยากฝากบอกประชาชนที่รับฟังตรงนี้อยู่ ท่านรอง ผบ.ตร.
ที่รับผิดชอบงานจราจร ท่านก็ไม่ได้นั่งรออย่างเดียว ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบ
ใครค้างอยู่ 10-20-30 ใบ เดี๋ยวจะขอมอบของขวัญให้คนที่ไม่ยอมมาเสียค่าปรับ
ต้องมีการสอบสวนขอศาลออกหมายเรียก ออกหมายจับ แต่กระบวนการตรงนี้ใช้เวลา
นพ.ธนะพงศ์ : สังคมอาจพุ่งเป้าไปที่คนเสียชีวิต แต่จริง ๆ ปีหนึ่งมีคนพิการ บาดเจ็บ ไม่อยากเรียกว่าเป็นภาระ แต่ทำให้ครอบครัวนั้นเขาไปต่อลำบากมาก
ตำรวจคนนี้มีโอกาสออกจากราชการไหม ? พ.ต.อ.สุกิจ : ต้องรอผลสอบทางวินัย ถ้าเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง โอกาสออกจากราชการก็มี
ทั้งนี้ สามารถติดตามชมรายการ โหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย
กำเนิดพลอย ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์
เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33
แสดงความคิดเห็นเรื่องพยานเล่านาที ส.ต.ต. ชน หมอกระต่าย เสียงบิดบิ๊กไบค์ดังสนั่น ก่อนพุ่งชนร่างกระเด็น