ลูกชายตามหา พ่อชาวญี่ปุ่น หายตัวไป 4 ปี ที่ดอยอินทนนท์ พูดเป็นลางคงได้มาที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย ด้านมูลนิธิกระจกเงา ประสาน จนท. ช่วยค้นหาอีกครั้ง ก.พ. นี้
ภาพจาก มูลนิธิกระจกเงา
วันที่ 27 มกราคม 2565 มูลนิธิกระจกเงา เผยเรื่องราวการหายตัวของ นายคินยา นาคามูระ อายุ 82 ปี ชายชาวญี่ปุ่น ออกจากอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ วันที่ 9 เมษายน 2561 รูปร่างผอม สูง 168 เซนติเมตร ผิวสีขาว ผมสั้น สีผมดำ-ขาว ฟันกรามด้านในอุดด้วยโลหะทองคำขาว การแต่งกาย สวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีฟ้า-ขาว สวมกางเกงขายาวสีครีม เข็มขัดสีน้ำตาลแดง รองเท้าสีดำยี่ห้อ FILA สวมหมวกแก๊ปสีดำเขียนว่า DUNLOP มีกระเป๋าสะพายข้างสีเขียวขี้ม้า สวมนาฬิกาข้อมือโลหะ ท่านใดพบเห็นโปรดแจ้ง มูลนิธิกระจกเงา โทร. 095-631-1914
ภาพจาก มูลนิธิกระจกเงา
การหายตัวไปของ นายคินยา แม้จะผ่านไปเกือบ 4 ปี แต่เหตุการณ์นี้ยังคงติดอยู่ในใจของ นายชิญญา นาคามูระ ผู้เป็นลูกชาย โดยบอกเล่าเรื่องราวว่า คุณพ่อเป็นคนญี่ปุ่น เป็นวิศวกรที่ต้องเดินทางไปทั่วโลก ตอนเด็ก ๆ ปีหนึ่งจะเจอพ่อสามเดือนครั้ง ครั้งละ 7 วัน ตนนั้นเกิดที่ไทย พูดได้แต่ภาษาไทย ส่วนพ่อพูดได้แต่ภาษาญี่ปุ่นและอังกฤษ พ่อพยายามเรียนภาษาไทยเพื่อไว้คุยกับตน เวลาคุยกันไม่รู้เรื่องพ่อจะยิ้ม แต่ส่วนใหญ่ก็จะรู้ความหมายกัน แม้จะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันแต่ก็ติดต่อกับคุณพ่ออยู่ตลอด
ภาพจาก มูลนิธิกระจกเงา
เวลาผ่านไปจนตนมีงานและมีครอบครัว วันหนึ่งได้ชวนพ่อมาเที่ยวเมืองไทย ไปที่ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เพราะพ่อไม่ได้ไปเที่ยวที่นั่นหลายปีแล้ว ครั้งนี้ไปกันกับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตา เช้าวันที่ 9 เมษายน 2561 พาพ่อมาดอยอินทนนท์ อยู่ ๆ ระหว่างเดินทาง พ่อพูดขึ้นมาว่า พ่อคงได้มาดอยอินทนนท์เป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้ว ตนก็บอกว่าไม่ใช่หรอก ถ้าพ่ออยากมาก็จะพามาอีก
ก่อนถึงยอดดอยอินทนนท์ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกันที่ พระธาตุฯ ประมาณเกือบสิบโมง ตนก็ถ่ายรูปดอกไม้ พอเงยหน้ามาก็ไม่เห็นพ่อ จึงเดินหาแถวนั้นแป๊บหนึ่ง คิดว่าพ่อรู้ว่าต้องเดินทางต่อไปด้านบนยอดดอย พ่ออาจไปรอตรงกิ่วแม่ปาน วันนั้นตนมีลูกเล็กมาด้วยสองคนก็รู้สึกกังวล ตามหาถึงยอดดอยอินทนนท์ ก็ไม่มีใครเห็นพ่อ เลยย้อนกลับมาที่พระธาตุฯ จุดที่พ่อหายไป คราวนี้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตามหาและสกัดตรงด่านเข้า-ออก
ก่อนถึงยอดดอยอินทนนท์ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกันที่ พระธาตุฯ ประมาณเกือบสิบโมง ตนก็ถ่ายรูปดอกไม้ พอเงยหน้ามาก็ไม่เห็นพ่อ จึงเดินหาแถวนั้นแป๊บหนึ่ง คิดว่าพ่อรู้ว่าต้องเดินทางต่อไปด้านบนยอดดอย พ่ออาจไปรอตรงกิ่วแม่ปาน วันนั้นตนมีลูกเล็กมาด้วยสองคนก็รู้สึกกังวล ตามหาถึงยอดดอยอินทนนท์ ก็ไม่มีใครเห็นพ่อ เลยย้อนกลับมาที่พระธาตุฯ จุดที่พ่อหายไป คราวนี้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตามหาและสกัดตรงด่านเข้า-ออก
เกือบ 4 ปีที่พ่อหายไป แม่พยายามปลอบใจ บอกว่าพ่อไปมาทั่วโลกแล้ว ก็คิดว่าพ่อเอาตัวรอดได้ ตนก็ทำประกาศในเพจออนไลน์ต่าง ๆ เดินแจกใบปลิวรอบเมืองเชียงใหม่ ขึ้นมาตามหาพ่อที่เชียงใหม่เป็นสิบ ๆ ครั้ง ตระเวนไปดูศพนิรนามตามโรงพยาบาลต่าง ๆ จนกระทั่งบินไปญี่ปุ่นเพื่อดูว่าพ่อกลับไปแล้วหรือไม่ แต่สถานะที่นั่นญาติพ่อก็แจ้งความคนหายไว้เหมือนกัน
ภาพจาก มูลนิธิกระจกเงา
มีคนเคยบอกว่าให้หยุดตามหา ให้กลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ตนไม่สามารถหยุดตามหาพ่อได้ เพราะเขาเป็นพ่อเรา ยอมรับว่าตนนั้นไม่ใช่คนรวย การตามหาแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายเป็นหลักหมื่น และก็รู้สึกเกรงใจที่หน่วยงานต่าง ๆ ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย มันอาจจะดูเหมือนเห็นแก่ตัว การมาหาพ่อบางทีมันไม่พอค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ บางทีต้องไปยืมบ้านแฟน ฝากญาติให้ช่วยดูแลลูกระหว่างขึ้นมาหาพ่อ แต่มันหยุดไม่ได้ มันอยู่ในหัว ทุกครั้งที่มาตามหาพ่อ มาตรงพระธาตุฯ จุดที่พ่อหายไป มันเป็นความรู้สึกที่แบบ...(ร้องไห้)
ความคืบหน้าเรื่องนี้ มูลนิธิกระจกเงา จะพาคุณชิญญา มายังดอยอินทนนท์อีกครั้ง ประชุมหารือร่วมกับ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์, กองทัพอากาศ, ตำรวจป่าไม้ (ปทส.) มีความเห็นร่วมกันว่าจะทำการค้นหาในจุดที่คุณพ่อคินยาหายตัวไปอีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่จะถึงนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก มูลนิธิกระจกเงา