นายรังสิมันต์ โรม ขุดคดีค้ามนุษย์ ทำให้นายตำรวจน้ำดีที่ทำคดีจนจับคนมีสีติดคุกได้ ถูกบีบจนต้องลี้ภัย จี้ถามนายกรัฐมนตรีตอบ กลับลุกหนี ก่อนซัดเดือด ใจดำอำมหิต !
ภาพจาก TPchannel
เมื่อวานนี้ (18 กุมภาพันธ์ 2565) ไทยโพสต์ รายงานการอภิปรายในที่ประชุมสภาของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถึงคดีการค้ามนุษย์ ที่ถูกยกเป็นวาระแห่งชาติ โดยชี้ว่า ย้อนไปเดือนมิถุนายน 2564 กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี 2564 ลดระดับการค้ามนุษย์ของไทยลงไประดับกลุ่มที่เกือบแย่ที่สุด โดยพบว่ามีการลักลอบขนคนผิดกฎหมายข้ามชายแดนเมียนมากับไทย มีการเรียกเก็บเงิน 10,000 - 70,000 บาท ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หน่วยงานท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ทั้งที่อดีตเคยสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้จากการทำงานของ พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่ขณะนั้นเป็นอดีตหัวหน้าชุดทำคดีโรฮิงญาในช่วงปี 2558
โดย พล.ต.ต. ปวีณ ทำคดีจนจับตัวคนผิดมาลงโทษได้ตั้งแต่นายหน้าค้ามนุษย์จนถึงทหารระดับสูง โดยเฉพาะ พล.ท. มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ซึ่งเป็นจำเลยสำคัญในคดีค้ามนุษย์โรฮิงญาในครั้งนั้น แต่สุดท้าย พล.ต.ต. ปวีณ กลับต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
นายรังสิมันต์ อภิปรายว่า ต่อมา พล.ต.ต. ปวีณ ขอลี้ภัยไปประเทศออสเตรเลีย ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีในคดีค้ามนุษย์ สามารถติดตามหาพยานเองจนนำมาสู่การออกหมายจับ หลังถูกพยายามขัดขวางการสืบสวน มารู้จากข่าวว่าพบหลักฐานการโอนเงินของผู้ต้องหาให้กับผู้ร่วมขบวนการค้ามนุษย์อย่าง เจ๊ง้อ ที่ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตามพยานหลักฐานต่าง ๆ ถูกปิดบังจากตำรวจเพื่อนร่วมอาชีพ นายรังสิมันต์ ถามว่า พล.อ. ประยุทธ์ที่เป็นนายกฯ และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่คุมตำรวจในเวลานั้นเคยรู้บ้างหรือไม่
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ อภิปรายอีกว่า เหตุการณ์นี้มีการใช้เส้นสายพวกพ้องเพื่อต้องการช่วยเหลือ พล.ท. มนัส ให้ได้รับการประกันตัว ซึ่งคดีนี้เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร ตามกฎหมายคนที่จะสั่งให้หรือไม่ให้ประกันคืออัยการสูงสุด ไม่ใช่นายกฯ รองนายกฯ หรือ ผบ.ตร. ทำให้ พล.ต.ต. ปวีณ ถูกกดดันจากทั้งทางตำรวจและทหาร แต่ พล.ต.ต. ปวีณ ยังออกหมายจับทหารบกเพิ่มอีก 3 นาย และทหารเรืออีก 1 นาย แต่เมื่อรายงานผู้บังคับบัญชากลับถูกสั่งให้เก็บหมายจับ และใช้วิธีการส่งหมายไปให้กองทัพแบบเงียบ ๆ
ผลปรากฎว่าทำให้ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร. ในขณะนั้นถูกย้ายเป็นปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่ทีมสอบสวนของ พล.ต.ต. ปวีณ ก็สามารถนำสำนวนส่งอัยการสูงสุดได้ทันก่อน พล.ต.อ. เอก ถูกย้าย จนเป็นคดีความอยู่ในปัจจุบันนี้
แต่เวลาต่อมาวันที่ 21 ตุลาคม 2558 ได้มีการอนุมัติย้าย พล.ต.ต. ปวีณ ไปรักษาราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ ถือเป็นพื้นที่ที่มีเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์หนาแน่นและเป็นพื้นที่เสี่ยงที่กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์จะเอาคืน
นายรังสิมันต์ ถามว่า พล.อ. ประวิตร ต้องการให้ พล.ต.ต. ปวีณ จบชีวิตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ใช่หรือไม่ เมื่อ พล.ต.ต. ปวีณ ขอลี้ภัย กลับถูกกล่าวอ้างว่า พล.ต.ต. ปวีณ ไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชา จนเจ้าตัวยื่นใบลาออกตามมา นี่คือการรวมหัวกันหาข้ออ้างเพื่อเอาคนที่ทำกับพวกตัวเองไปตายใช่หรือไม่ พล.อ. ประวิตร เคยรู้เรื่องนี้หรือไม่
ภาพจาก TPchannel
นายรังสิมันต์ ทิ้งท้ายว่า แท้จริงแล้วคดีนี้มีใครใหญ่กว่า พล.ท. มนัส หรือไม่ มีคนในรัฐบาลตอนนี้มีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ การขัดขวางการสอบสวนของทีม พล.ต.ต. ปวีณ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อตัดตอนคดีนี้หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ และ พล.อ. ประวิตร ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของ พล.ท. มนัส หรือไม่ มีคนพยายามเสนอให้ พล.ต.ต. ปวีณ ลาออก แต่ พล.ต.ต. ปวีณ ไม่ยอม แต่ต่อมาต้องลี้ภัย
ทุกวันนี้นายกฯ ได้คุ้มครองข้าราชการตงฉินแบบนี้บ้างไหม รัฐบาลแบบนี้มีค่าให้ใครไว้วางใจฝากชีวิตไว้ได้บ้าง ทำคนดี ๆ ต้องลี้ภัย ทำลายล้างคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ระบอบปรสิตถ้าไม่รีบเอาออกจะกัดกินคนทำงานและประชาชนจนไม่เหลือชิ้นดี ขอให้ประชาชนเลิกสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้
รังสิมันต์ เดินออกห้องประชุม หลังไม่ถอนคำพูด ว่านายกฯ ใจดำอำมหิต
อย่างไรก็ตาม แนวหน้า รายงานว่า หลังการปภิปรายของนายรังสิมันต์ นายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามนี้แต่อย่างใด แต่กลับลุกเดินออกจากห้องประชุม ทำให้นายรังสิมันต์ ท้วงว่า ตนเองเพิ่งอภิปรายเรื่องตำรวจ ท่านนายกฯ จะเดินหนีแบบนี้จริงหรือ ท่านจะไม่ตอบอะไรถึงกรณีที่คุณปวีณลี้ภัยเลยหรือ ท่านจะใจดำอำมหิตแบบนี้จริง ๆ หรือ
จนถูกนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ท้วงว่า อย่าเสียดสี แต่นายรังสิมันต์ โต้แย้งว่า ตนอภิปรายตามญัตติ และตั้งคำถาม ตนเข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ของนายกฯ แต่ถ้านายกฯ ให้เกียรติสภาฯ กรุณาตอบคำถามหน่อยว่าสิ่งที่ถามแม้เป็นเรื่องที่ผ่านมานาน แต่ท่านก็ควรจะรู้และควรจะชี้แจง ก็เข้าใจดีว่าเรื่องนี้กระอักกระอ่วน แต่ถ้าท่านจะใจดำอำมหิตแบบนี้ก็ไม่สมควรเป็นนายกฯ อีกแล้ว
โดย นายรังสิมันต์ ยืนยันไม่ยอมถอนคำว่านายกฯ ใจดำอำมหิต ก่อนเดินออกจากห้องประชุมทันที หลังนายสุชาติ แจ้งข้อบังคับว่าถ้าให้ถอนคำแล้วไม่ยอมถอน จะต้องออกนอกห้องประชุม
ภาพจาก TPchannel
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยโพสต์, แนวหน้า