สาวตั้งกระทู้ถามแม่ไม่เคยเลี้ยงตั้งแต่ 1 ขวบ แถมต้องทำงานส่งเสียแม่มาตลอด พอแต่งงาน แม่อยากได้เงินสินสอด ถ้าไม่ให้จะผิดไหม แถมเจอแม่เหน็บแนม คนเมนต์แนะ "กตัญญูให้ถูกคน"
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 คุณ สมาชิกหมายเลข 3406689 สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ได้ตั้งกระทู้ชื่อ "งานแต่งงานของเรา เราหาเงินกันเองทุกบาทไม่ได้รบกวนพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย แต่แม่เราอยากได้สินสอด ถ้าเราไม่ให้ผิดไหมคะ" โดยเจ้าของกระทู้ได้เล่ารายละเอียดดังนี้
แยกกับแม่ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ มีพ่อดูแลมาตลอด
เจ้าของกระทู้ได้รับการเลี้ยงดูโดยพ่อ กระทั่งอายุ 17 ปี ก็ได้ทำงานแล้วก็ส่งเงินดูแลแม่อย่างต่ำเดือนละ 5,000 - 15,000 บาท อย่างสม่ำเสมอ ด้วยคิดว่ายังไงเขาก็คือแม่ แม้จะไม่ได้ผูกพันหรือคุ้นเคย ตอนนี้ตนอายุ 23 ปี และแต่งงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 ก็มีปัญหาเรื่องสินสอด
มีปัญหาคือเมื่อต้องแต่งงาน แม่ต้องการสินสอด
สินสอดของเจ้าของกระทู้มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งแม่อยากได้ครึ่งหนึ่ง ส่วนพ่อที่เลี้ยงดู ส่งเสียจนเรียนจบรับปริญญาตรีและกำลังจะต่อโท เขาไม่รับสินสอด พร้อมคืนให้เจ้าของกระทู้และสามี เพื่อตั้งตัวและเลี้ยงดูลูก เจ้าของกระทู้จึงคุยกับสามีว่าจะดูแลแม่และส่งเงินให้เหมือนเดิม แค่อาจจะมากขึ้น เพราะพ่อส่งเสียเลี้ยงดูแต่ไม่ขอรับสินสอด แต่แม่กลับไม่โอเค เก็บมาทะเลาะ
ถูกแม่เหน็บแนม ทั้งที่เงินสินสอดหามาเองกับสามี
ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เจ้าของกระทู้ใช้จ่ายให้สามี ก็จะถูกแม่เหน็บแนม ทั้ง ๆ ที่รถของแม่เจ้าของกระทู้ก็จัดหาให้และช่วยซื้อครึ่งราคา อยากได้อะไรขอแค่บอก หาให้ได้ถ้าไม่เกินกำลัง
แม้ว่าเงินกว่า 2 ล้านบาทจะค่อนข้างเยอะ แต่ตนและสามีก็หาและเก็บมาตั้งแต่เริ่มคบกัน ไม่เคยไปเดือดร้อนหรือขอเงินใครเลยตอนจัดงานแต่ง ตนและสามีจัดการกันเอง แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายของทุกคน ค่าโรงแรม ค่าเดินทาง ค่าเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าที่จะใส่ไปงาน จัดหาให้โดยที่ไม่กระเด็นออกจากกระเป๋าใครสักบาททั้งสองฝั่ง
มองว่าดูแลแม่ดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้แล้ว
"เราดูแลแม่อย่างดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้แล้ว เพราะตอนนี้เรามีครอบครัว ลูกที่กำลังจะเกิดมา เขาก็ต้องได้รับการดูแลอย่างดี แบบที่เราถูกเลี้ยงมา เราไม่อยากให้เขาลำบาก แม่ก็มีครอบครัวใหม่แล้วด้วยค่ะ แต่กลายเป็นว่าทะเลาะกัน ไม่คุยกัน ใช้คำพูดที่ไม่ดีใส่ บอกว่าเราคิดไม่ได้ เราเลยไม่ได้ติดต่อกับเขามาสักพักแล้ว ที่เราทำมันผิดมากหรือคะ เราดูอกตัญญูไปเลยไหม คือมันแย่ใช่ไหม"
ชาวเน็ตชี้ "กตัญญูให้ถูกคน" ไม่ต้องไปหวั่นไหวกับแม่
ขณะที่ความคิดเห็นอื่น ๆ ระบุว่าให้เจ้าของกระทู้ใจแข็งกับแม่ ไม่ต้องให้สินสอด เงินเดือนก็ไม่ต้องโอนให้ รอให้เขาสงบก่อน ให้เขาได้รับรู้ว่า ถ้าเขาเรียกร้องในสิ่งที่เกินกำลัง เขาจะไม่ได้อะไรเลย ถึงตอนนั้นค่อยให้เงิน และกำหนดไปเลยว่าเท่าไหร่ ไม่มีการมาขอมากกว่านั้น
"อย่าให้คำว่า อกตัญญู มันมาทำร้ายคุณ คิดถึงพ่อกับคนที่เลี้ยงดูคุณมาให้มาก ๆ"
"ถ้าเขาไม่เคยเลี้ยงดูออกค่าใช้จ่ายอะไรให้คุณเลย ส่วนตัวคิดว่าการที่คุณให้เงินใช้ทุกเดือนก็มากแล้ว"
เจ้าของกระทู้ชี้แจงเพิมเหตุที่พ่อไม่รับสินสอด
ที่พ่อไม่รับสินสอด ตนรักคุณพ่อมากขึ้นเป็นล้านเท่าเพราะพ่อเลี้ยงดู อบรม จึงมีทุกวันนี้ได้ และมีชีวิตที่ดีอย่างที่พ่อหวัง ระหว่างที่เรียน พ่อไม่เคยแม้แต่จะรับเงินตนเลย และไม่เคยให้ตนจ่ายอะไรเลย จนหลังเรียนจบ พ่อเพิ่งจะยอมให้ตนออกค่าใช้จ่ายและดูแล ซึ่งตนดีใจมาก ที่ได้ดูแล และเงินสินสอดที่ได้มา ท่านไม่รับ ก็คงเก็บไว้ทำงาน ทำให้งอกเงย เพื่อนำมาซัพพอร์ตและดูแลคุณพ่อกับครอบครัว ตั้งใจไว้แล้วแบบนี้
กรณีเรื่องเงินสินสอดวางโชว์หรือได้จริง ๆ
เจ้าของกระทู้ ระบุว่า สินสอดนั้นเป็นเงินของตนจริง ๆ และเข้าบัญชีตนเลย เป็นสินสอดที่ได้มาจากการทำธุรกิจร่วมกันกับสามี และสามียกให้ตนทุกบาท เขาถือว่าในเมื่อพ่อไม่รับ ก็ขอแสดงความจริงใจ คือให้ตนเลย ไม่เกี่ยวกับเงินครอบครัวในอนาคต แต่ทำไมตนถึงบอกว่าเงินนี้ต้องใช้เพราะมีลูก คือถ้าทำแบบนั้นคงดูเห็นแก่ได้เกินไป ถ้าเก็บเงินไว้เองคนเดียว ไม่เอาออกมาดูแลครอบครัวของตัวเองบ้าง เหตุผลของตนคือแบบนี้ ไม่อยากเอาเปรียบสามี เพราะมันคือเงินที่ช่วยกันทำงานมา
สินสอดกว่า 2 ล้านบาท (รวมเพชรและทอง) คือสินสอด ไม่รวมค่าใช้จ่ายงานแต่งใด ๆ
ใครเป็นคนตั้งสินสอด ตั้งขึ้นเองหรือไม่ ?
คุณพ่อเป็นคนตั้งสินสอดขึ้นมาค่ะ ประเด็นนี้ตนเข้าใจคุณพ่อ เพราะคุณพ่อเลี้ยงตนมาเป็นอย่างดีจริง ๆ การที่ตั้งสินสอดหลักนี้ มันก็เหมือนกับการวัดว่าลูกเขย จะดูแลลูกสาวได้ดี อย่างที่เขาดูแลมาหรือเปล่า เพียงเท่านั้นเลยค่ะ และสุดท้ายเขาก็บอกตอนมอบสินสอดเลย ว่า ขอคืนให้บ่าวสาวนำไปทำให้งอกเงยค่ะ ซึ่งสามีก็ยกให้ตน สามีก็ไม่ได้คัดค้านอะไรและเห็นด้วย เข้าใจคุณพ่อ
ทำไมถึงส่งเงินให้แม่ตลอดระยะเวลาหลายปี
ตนไม่ได้โหยหาความรักจากแม่เลย แทบจะไม่สนิทกันเท่าไหร่ด้วยซ้ำ แต่คิดว่าในขณะที่ตนกินอยู่สุขสบาย คุณแม่ตนกลับลำบากกว่าตน ตนคิดแบบนี้ เลยพยาบามทำงานแยกจากธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก เพื่อนำเงินส่วนนี้ให้แม่และครอบครัวฝั่งพ่อจะได้มาว่าตนไม่ได้ ในขณะนั้นตนก็ช่วยแบ่งเบาภาระงานพ่อไปด้วย
"ที่ตั้งกระทู้ คือเรารู้สึกผิดกับเขา เพราะเจอคำพูดบางคำพูดที่เราฟังแล้วรู้สึกว่า ที่ผ่านมาเราทำไม่ดีเหรอ เราดูแลเขาไม่พอเหรอ แล้วกับคำพูดที่ว่า การดูแลพ่อแม่คือหน้าที่ของลูก คำนี้คือเราจุกมาก ๆ ค่ะ เพราะในขณะที่คุณพ่อคนที่ส่งเราเรียน ดูแล สั่งสอน ยังไม่เคยบอกเราแบบนี้เลย เค้าบอกเราแค่ว่า พ่อสอนเรามาดีแล้ว ที่เหลือเราต้องคิดเอง ว่าเราควรใช้ชีวิตยังไง
ทุกอย่างมันชัดขึ้นมากค่ะ
และการได้มาอ่านคอนเมนต์ต่าง ๆ จากพี่ ๆ จากทุกคน
คำตอบในใจเราก็ชัดเจนขึ้นมากแล้วค่ะ ว่าเราไม่ได้ผิดอะไรเลยสักอย่าง เราไม่ได้ติดต่อกับแม่มาสักพักแล้วค่ะ แต่ความรู้สึกผิด และความเป็นห่วงยังมีอยู่
ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ทุกคอมเมนต์ และเราคงโฟกัสกับลูกกับครอบครัวเรา กับคนที่ควรโฟกัสดีกว่าค่ะ ชีวิตคงมีความสุขมากกว่านี้ ขอบคุณทุกคนจริง ๆ ค่ะ
