หนุ่มหัวหมอ รับหิ้วกาแฟร้านดัง ที่แท้เปิดบ้านทำโรงงานนรก ชงเองหมดทุกแก้ว หลอกคนไปกว่า 700 ออร์เดอร์ ได้เงินเกิน 2 แสน
ภาพจาก Weibo
วันที่ 16 มีนาคม 2565 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ
นี้ มีเหตุฉ้อโกงสุดประหลาดเกิดขึ้นในเมืองเหมียนหยาง มณฑลเสฉวน ประเทศจีน
ชายรายหนึ่งกลายเป็นผู้ประกอบการนักต้มตุ๋น
ภายหลังจากอ้างตัวทำบริการรับจัดส่งกาแฟร้านดังอย่างสตาร์บัคส์ (Starbucks)
แต่ความจริงเป็นของปลอมที่เขาแอบชงเองที่บ้าน
หลอกเงินจากลูกค้าไปจำนวนไม่น้อย
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เผยว่า สำนักงานควบคุมตลาดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ระบุว่า มีคนแอบอ้างขายกาแฟสตาร์บัคส์ปลอม จึงได้เข้าตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็พบชายรายดังกล่าว ชื่อสกุล "คง" อาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังหนึ่ง ซึ่งชั้นล่างปิดกั้นห้องเอาไว้ใช้ทำกาแฟแบบลับ ๆ
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น เผยว่า สำนักงานควบคุมตลาดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ระบุว่า มีคนแอบอ้างขายกาแฟสตาร์บัคส์ปลอม จึงได้เข้าตรวจสอบพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ไปถึง ก็พบชายรายดังกล่าว ชื่อสกุล "คง" อาศัยอยู่ในบ้านเช่าหลังหนึ่ง ซึ่งชั้นล่างปิดกั้นห้องเอาไว้ใช้ทำกาแฟแบบลับ ๆ
เจ้าหน้าที่พบเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับชงกาแฟ และวัตถุดิบจำนวนมาก รวมทั้งแก้วและถุงกระดาษที่เป็นเอกลักษณ์ของกาแฟร้านดัง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบว่า เขาไม่มีทั้งใบอนุญาตประกอบธุรกิจอาหาร และใบอนุญาตประกอบธุรกิจอื่นใด จึงยึดของกลางทั้งหมด พร้อมควบคุมตัวผู้กระทำผิดไปสอบสวน
ภาพจาก Weibo
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายคงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งแจ้งเรื่องไปยัง Starbucks China โดยต่อมาทางร้านกาแฟดัง ได้ออกแถลงการณ์กล่าวประณามพฤติกรรมดังกล่าว ยืนยันจะให้ความร่วมมือกับการสอบสวน และปราบปรามการปลอมแปลงที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งแสดงความกังวลถึงผู้บริโภคให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ ผ่านร้านค้าหรือช่องทางออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ
ภาพจาก Weibo
"อาหารและเครื่องดื่มของปลอมที่เลวร้าย ไม่เพียงแค่สร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของผู้บริโภคอีกด้วย ขอให้ทุกคนร่วมกันปกป้องสิทธิของตน และผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย" ข้อความจากแถลงการณ์ ระบุ
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ภาพจาก Weibo
ภาพจาก Weibo
ขอบคุณข้อมูลจาก ettoday.net, tw.appledaily.com