เผยกรณี ตำรวจแจ้งความ ร.ต.อ. และ ด.ต. โรงพักสะท้อน ปมรถของกลางหายไป 31 คัน อดีตผู้ต้องหาแฉ มีตำรวจเรียกเงินแลกคืนรถจริง บางคันหายไปแต่ไม่คืนเจ้าของ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 21 มีนาคม 2565 รายการข่าว 3 มิติ ช่อง 3 รายงานว่า จากการสอบถามผู้ที่ถูกยึดรถจักรยานยนต์รายหนึ่ง ยืนยันว่า มีตำรวจยศร้อยตำรวจเอกติดต่อไป หากอยากได้รถที่ถูกยึดคืนต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน หลังจากมีตำรวจเข้าแจ้งความและปรากฏเป็นข่าว ปัจจุบันพบว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว
ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ไม่สะดวกที่กล่าวถึงรายละเอียด เพียงแต่บอกว่าตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จแล้ว
คนเคยโดนยึดรถยัน ตำรวจขอเงินแลกปล่อยรถคืน
ไทยพีบีเอส สอบถาม อดีตผู้ถูกจับคดีขนพืชกระท่อม ให้ข้อมูลว่า หลังถูกจับกุมมีตำรวจยศร้อยตำรวจเอก สภ.สะท้อน ติดต่อมา ว่าต้องการรับรถของกลางคดีคืนหรือไม่ โดยเรียกรับเงิน 5,000 บาท เพื่อแลกการปล่อยรถ สุดท้ายขอต่อรองเหลือ 4,500 บาท วันไปรับรถคืนเมื่อปี 2564 บิดาเป็นคนไปรับมาจากคอกรถ ส่วนรถอีก 4 คันที่ถูกจับพร้อมกันหายไปจากคอกรถ แต่พบว่าเพื่อนยังไม่ได้รับคืน
ด้าน บิดาอดีตผู้ค้าพืชกระท่อม บอกว่า วันรับรถคืนมีตำรวจยศร้อยตำรวจเอก และชั้นประทวน 2 นาย เป็นคนปล่อยรถ โดยได้จ่ายค่าน้ำชาให้ตำรวจ แต่ไม่บอกจำนวนเงิน
รถของกลางหายในโรงพักได้อย่างไร ?
จากการตรวจสอบพบว่า สาเหตุที่รถของกลางสูญหายไป พบมากที่สุด คือ การนำรถของกลางในคดีอาญาไปขายเพื่อหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง รองลงมาคือการนำรถของกลางไปจำนำ แต่ไม่มีเงินไปไถ่ถอนคืนจนรถหลุดจำนำตกไปอยู่ในตลาดมืด เสี่ยงต่อการนำไปใช้กระทำผิด
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการนำรถของกลางไปให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงใช้ จนไม่สามารถติดตามรถคืนกลับมาได้ และที่พบบ่อยมากคือการถอดชิ้นส่วน อะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่งราคาแพงภายในรถไปขาย บางครั้งเหลือแต่โครงรถเมื่อเจ้าของรถมาทราบทีหลังก็เกิดเรื่องฟ้องร้องกันขึ้น ส่วนสาเหตุที่เป็นไปได้น้อย คือมีคนร้ายมาลักขโมยรถ หรือชิ้นส่วนไป เนื่องจากรถของกลางจอดอยู่ที่สถานีตำรวจ
ส่วนระเบียบการคืนของรถกลางต้องรอให้คดีสิ้นสุด ซึ่งศาลจะเป็นผู้สั่งให้ริบทรัพย์ หรือคืนทรัพย์ ถ้าศาลสั่งคืนของกลาง ผู้ต้องหาก็สามารถรับทรัพย์คืนได้ หากพบว่า ของกลางที่จะรับคืนหาย สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ยักยอกได้
ภาพจาก ข่าวช่อง 3








