ชายเวียดนาม พกพลังรักเปี่ยมล้น ซื้อเรือยางลงทะเล หวังพายไปหาเมียที่ประเทศอินเดีย หลังต้องห่างกันเพราะโควิด เผยลอยลำกลางทะเลอันดามันมาแล้ว 18 วัน
![พายเรือกลางทะเล]( "พายเรือกลางทะเล")
![พายเรือกลางทะเล]( "พายเรือกลางทะเล")
วันที่ 23 มีนาคม 2565 เฟซบุ๊ก ทัพเรือภาคที่ ๓ รายงานว่า หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะสิมิลัน (นรภ.ทร.เกาะสิมิลัน) ได้รับแจ้งว่ามีชายคนหนึ่งไม่ทราบสัญชาติ อยู่บนเรือยางเป่าลมสีเหลือง-ฟ้า ขนาดประมาณ 2.5 เมตร ลอยอยู่กลางทะเล ซึ่งบนเรือมีถังน้ำพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทาง โดยจุดที่พบอยู่ห่างฝั่งจังหวัดพังงา กว่า 80 กิโลเมตร
ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจพบว่าชายคนดังกล่าวชื่อ Mr.HO HOANG HUNG อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ในเรือมีอาหารแห้งประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ประมาณ 10 ห่อ และถังบรรจุน้ำดื่มเหลือเพียงเล็กน้อย ทางเจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสัมภาษณ์ข้อมูลจนทราบว่า Mr.HO HOANG HUNG มีความตั้งใจจะพายเรือยางไปหาภรรยาชาวอินเดียที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจพบว่าชายคนดังกล่าวชื่อ Mr.HO HOANG HUNG อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม สื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ในเรือมีอาหารแห้งประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ประมาณ 10 ห่อ และถังบรรจุน้ำดื่มเหลือเพียงเล็กน้อย ทางเจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสัมภาษณ์ข้อมูลจนทราบว่า Mr.HO HOANG HUNG มีความตั้งใจจะพายเรือยางไปหาภรรยาชาวอินเดียที่เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
Mr.HO HOANG HUNG เล่าว่า ตนแต่งงานกับภรรยาได้ 2 ปี แต่ต้องห่างกันเพราะโควิด 19 โดยตนเดินทางด้วยเครื่องบินจากกรุงไซง่อน ประเทศเวียดนาม มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ กทม. เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ต้องการจะต่อเครื่องไปประเทศอินเดียแต่ไม่มีวีซ่า จึงนั่งรถจาก กทม. มาลงที่ภูเก็ต ก่อนจะหาเรือยางเป่าลมและพายออกจากฝั่งจังหวัดภูเก็ต นับตั้งแต่ลงเรือมานั้น ตนลอยลำกลางทะเลมาแล้ว 18 คืน โดยมีจุดหมายปลายทางคือชายฝั่งประเทศอินเดีย ระยะทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัว Mr.HO HOANG HUNG มายังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการต่อไป
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัว Mr.HO HOANG HUNG มายังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการต่อไป
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทัพเรือภาคที่ ๓
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ทัพเรือภาคที่ ๓
