ได้เหรอ คู่รักชักดาบหลังกินปิ้งย่างกว่าครึ่งหมื่น ดินเนอร์กันอย่างหรู แต่หนีไปไม่รู้ไม่ชี้ เจ้าของร้านตามไปทวง กลับโบ้ยให้คู่เดตจ่าย ตีมึนไม่รู้ไม่ชี้ จนโดนทัวร์ลง
วันที่ 24 มีนาคม 2565 เว็บไซต์เอเชียวัน มีรายงานกรณีที่กำลังได้รับความสนใจบนโลกออนไลน์ของสิงคโปร์ หลังเจ้าของร้านปิ้งย่างเกาหลี ในพื้นที่สวนเสรังกูร ของสิงคโปร์ ออกมาเปิดโปงพฤติกรรมของคู่รักที่มาเดตกันอย่างหรูหรา สั่งเนื้อวากิวชั้นดีมากินอย่างอิ่มหนำสำราญ คิดเป็นค่าอาหารร่วม 269.55 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 6,600 บาท) ก่อนจะชักดาบ เดินออกจากร้านไปดื้อ ๆ พอตามไปทวงก็โบ้ยกันเองว่าใครควรเป็นคนจ่าย
กินกันเต็มคราบ ซัดของแพง แล้วชักดาบ
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงค่ำวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา นายจุง วัย 50 กว่าปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการของบริษัทแห่งหนึ่ง ได้มานัดผู้หญิงมาดินเนอร์ด้วยกันที่ร้าน มันเป็นเดตแรกของทั้งคู่ ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งตอนที่พวกเขากินเสร็จ ฝ่ายชายเดินออกไปรอที่หน้าร้าน กระทั่งฝ่ายหญิงเข้าห้องน้ำเสร็จ พวกเขาก็เดินจากไปโดยไม่มีใครจ่ายเงินค่าอาหาร
กระทั่งเวลา 21.00 น. พนักงานจึงมาแจ้งให้ มาดามคาเรน โห วัย 50 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ทราบว่ามีลูกค้า 2 ราย เดินออกจากร้านไปโดยไม่จ่ายเงิน ทางเจ้าของร้านจึงเช็กกล้องวงจรปิด กระทั่งติดต่อกับฝ่ายหญิงได้ในที่สุด ซึ่งเธอก็อ้างว่าเดี๋ยวฝ่ายชายจะกลับไปจ่ายเงินให้ แต่ทางร้านรออยู่อีกเกือบ 1 ชั่วโมง ก็ไม่เห็นวี่แววใครโผล่มา
ตามไปทวงถึงที่ กลับถูกหัวเราะเยาะ
วันรุ่งขึ้น (16 มีนาคม) มาดามโหกับสามีตามไปหานายจุงจนพบ แต่แทนที่เขาจะยอมจ่ายเงินค่าอาหารให้ กลับท้าทายให้เจ้าของร้านไปแจ้งตำรวจเอา โดยมาดามโหเล่าว่า "เราเดินไปหาเขาดี ๆ ขอให้เขาจ่ายเงิน แต่เขากลับหัวเราะเยาะเรา ตอนที่สามีฉันขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ เขาก็หัวเราะต่อและบอกว่า ไปแจ้งตำรวจเลย"
ทั้งนี้ ในที่สุดทางเจ้าของร้านก็ตัดสินใจแจ้งตำรวจ ซึ่งทางตำรวจแนะนำให้พวกเขาส่งเรื่องไปยังศาลเพื่อดำเนินคดีทางแพ่ง หลังจากนั้นเจ้าของร้านติดต่อไปหาฝ่ายหญิงอีกรอบ ซึ่งในที่สุดเธอก็ยอมจ่ายค่าอาหารในส่วนของตัวเอง หรือเพียงครึ่งหนึ่งของบิลค่าอาหารดังกล่าว ในขณะที่นายจุงยังยืนกรานไม่ยอมจ่าย แม้เวลาจะผ่านมานานร่วมสัปดาห์แล้วก็ตาม
ต่างฝ่ายต่างโบ้ย ให้คู่เดตเป็นคนจ่าย
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ลูกค้าทั้ง 2 รายไม่ยอมจ่ายค่าอาหาร นายจุง ยืนยันว่าคู่เดตของเขาเสนอตัวจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้ "เธอสั่งเซตเนื้อราคาแพงมา ผมนึกว่าเธอคงรู้สึกผิดที่เลื่อนการนัดครั้งนี้มา และคงจะเลี้ยงข้าวผม"
ในขณะที่ฝ่ายหญิงบอกมาดามโหว่า นายจุงเป็นคนเสนอจะจ่ายเงินเอง เพราะเขารู้สึกแย่ที่เดินออกจากร้านไปรับโทรศัพท์ 2-3 รอบ ระหว่างการเดต
แต่กลายเป็นสุดท้ายก็ไม่มีใครจ่ายเงิน ซึ่งในส่วนนี้มาดามโหบอกว่า "ฉันเชื่อฝ่ายหญิง แต่ไม่เชื่อหมอนั่น เธอยังรู้สึกผิด แต่เขาไม่เลย ครั้งล่าสุดที่เขาคุยกับเรา น้ำเสียงของเขาทำให้เราโมโหมาก"
ขณะที่นางจุง พยายามอ้างว่าวันที่ได้เจอกับเจ้าของร้าน เขาพยายามอธิบายสถานการณ์แล้วแต่อีกฝ่ายไม่ยอมฟัง บอกให้เขาไปคุยกับตำรวจ เขาก็รอให้ตำรวจติดต่อมาแล้ว แต่ทางเจ้าของร้านเป็นคนติดต่อมาอีกรอบ บอกว่าตำรวจแนะนำให้ไปศาลเพราะเป็นคดีแพ่ง เขาเลยบอกให้เจ้าของร้านไปศาลเลย เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
ด้านมาดามโห ยอมรับว่าเธอรู้สึกขอบคุณฝ่ายหญิง ที่อย่างน้อยก็จ่ายค่าอาหารมาครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนฝ่ายชาย เธอมองว่าหากเขาตั้งใจที่จะจ่ายเงินจริง ๆ ก็ควรจะมาหาพวกเธอด้วยตัวเอง มาขอโทษและจ่ายเงินซะ ซึ่งพวกเธอก็จะยอมรับ
เจ้าของร้านเล็งให้ทนายจัดการ
อนึ่ง ในตอนนี้ทางเจ้าของร้านกำลังมองหาความช่วยเหลือจากทนายมากดดันคดีดังกล่าว ขณะที่นายจุงได้ออกมาโวยวายในเวลาต่อมา อ้างว่าหลังเรื่องของเขาปรากฏเป็นข่าว ทางร้านก็ส่งจดหมายไปแจ้งถึงบริษัทของเขาเพื่อทวงให้มาจ่ายค่าอาหารส่วนที่เหลือ แถมภรรยาเก่าของเขาก็ยังถูกคนแปลกหน้าส่งข้อความและโทร. ไปหา เพื่อบอกให้เธอมากดดันเขาให้จ่ายเงิน
แต่ถึงอย่างนั้นนายจุงก็ดูจะไม่ยอมจบเรื่องง่าย ๆ เขาประกาศว่า ค่าอาหารเขาต้องจ่ายก็จริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขาจ่ายได้สบาย ๆ แต่เขายังคิดแค้นไม่น่าปล่อยให้หญิงคู่เดตหนีไปเลย
ขอบคุณข้อมูลจาก เอเชียวัน