ร้านทำผมจ่อฟ้องกลับ หลังเจอดราม่า ลูกค้ามายืดผมแล้วผมร่วง สุดท้ายต้องโกนจนล้าน มั่นใจสาเหตุผมร่วงไม่เกี่ยวกับยืดผม อ้างตอนยืดไม่เคยทิ้งลูกค้าไป
ภาพอื่น ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว
จากกรณีของสาวรายหนึ่งที่ออกมาร้องเรียน เหตุไปยืดผมที่ร้าน แต่ช่างลงน้ำยาทิ้งไว้แล้วออกไปกินลาบ รวมเวลาทำผมเกือบ 5 ชั่วโมง สุดท้ายหลังผ่านไป 2 อาทิตย์ ผมร่วงหมดหัว แถมทางร้านยังปฏิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าไม่เกี่ยวกับน้ำยายืดผม ไม่มีแม้คำขอโทษ จนกลายเป็นกระแสดราม่าหนักที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์สนั่น
อ่านข่าว : สาวทนทุกข์ ! ยืดผมที่ร้าน ช่างลงน้ำยาทิ้งไว้แล้วออกไปกินลาบ จากผมตรง ได้หัวล้าน
ล่าสุด (24 เมษายน 2565) รายการขันข่าวเช้าตรู่เสาร์อาทิตย์ ทางช่อง 3 รายงานว่า จากการโทรศัพท์สอบถามเจ้าของร้านทำผมที่เป็นประเด็น ทางร้านมั่นใจว่าสาเหตุที่ลูกค้าสาวผมร่วงนั้น ไม่เกี่ยวกับการมายืดผมที่ร้าน เพราะร้านก็ใช้น้ำยาตัวเดิมกับลูกค้ามากกว่า 100 หัว ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาอะไร และหากเกิดจากน้ำยาจริง ก็ไม่น่าทิ้งระยะเกิน 1 สัปดาห์
แต่ลูกค้ารายดังกล่าว มาทำผมที่ร้านตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จนถึงต้นเดือนเมษายน จึงค่อยมาบอกว่าผมร่วง ต้องโกนผม
ทั้งนี้ ยืนยันว่าในขั้นตอนการยืดผมทางร้านไม่ได้ปล่อยปละละเลย หรือทิ้งลูกค้าไปตามที่ลูกค้าโพสต์กล่าวหา ตนมั่นใจว่าสาเหตุไม่ได้เกิดจากการยืดผม แต่อาจะเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ลูกค้าพูดไม่หมด
ภาพอื่น ภาพจาก เฟซบุ๊ก อีซ้อขยี้ข่าว
โดยขณะนี้ทางร้านอยู่ระหว่างปรึกษากับผู้รู้ด้านกฎหมาย เพื่อรวมรวมหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับลูกค้ารายดังกล่าว แต่หากทางลูกค้าออกมาแก้ข่าว ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ตนก็ยินดีไกล่เกลี่ย
อย่างไรก็ตาม คุณเหมย ลูกค้าที่โพสต์เรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าสาเหตุที่ผมร่วงเกิดจากการยืดผมของทางร้าน โดยหลังยืดผมไป 3 วันแรก ผมไม่ตรงและฟู จนวันที่ 20 มีนาคม ผมเริ่มร่วงเป็นวงเท่าเหรียญ 5 บาท และร่วงหนักเรื่อย ๆ จนต้องโกนผมทิ้ง ซึ่งเมื่อไปปรึกษาหมอที่คลินิก หมอวินิจฉัยว่า แพ้สารเคมีรุนแรง
คุณเหมย มองว่าอาจจะเกิดจากน้ำยายืดผม เพราะตอนไปทำทางร้านก็ลงน้ำยาไว้ แล้วก็บอกว่าขอไปกินข้าวกับเพื่อน ตนไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่ก็หลับได้ตื่นหนึ่ง แต่ทางร้านยังอ้างว่าไม่ได้เกิดจากน้ำยายืด เพราะถ้าเป็นต้องเป็นตั้งแต่ 3 วันแรก
เธอยืนยันอีกว่าหลังจากการยืดผมแล้วก็ไม่ได้ไปทำอะไรอีก หลังเกิดเรื่องได้ติดต่อไปทางร้าน แต่ร้านปฏิเสธความรับผิดชอบ ตอนนี้เมื่อทางร้านจะเข้าแจ้งความ เธอก็พร้อมสู้คดี และจะร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่เรียกคู่กรณีมาไกล่เกลี่ย ซึ่งเธอจะยื่นข้อเสนอให้ทางร้านรับผิดชอบเป็นค่าสินไหม