สลดสังคม เด็ก 15 ยืมเงินเสี่ยเจ้าของรีสอร์ต มารักษาย่าป่วย กลับถูกเสี่ยหื่นจะขืนใจ ซ้ำบีบให้ขายบริการ ขัดดอก แถมขู่รู้จักตำรวจทั้งโรงพัก ใครก็ทำอะไรไม่ได้
วันที่ 24 เมษายน 2565 ข่าวช่องวัน มีรายงานกรณีสลดสังคม ผู้ปกครองวัย 44 ปี พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ลูกบุญธรรม ออกมาร้องขอความช่วยเหลือหลังจากที่ น.ส.เอ ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตใน อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ บังคับให้ขายบริการ สนองตัณหาแขกที่เข้ามาพัก เพื่อขัดดอกหลังจากที่เด็กสาวเคยมายืมเงินไป 6,300 บาท เพื่อนำไปรักษาย่าวัย 70 ปี ที่ป่วย จนต้องผ่าตัดด่วน
โดยพบว่าพฤติกรรมของเสี่ยรายดังกล่าว มีการข่มขู่เด็กว่าจะแจ้งความ เรื่องยืมเงินไปแล้วไม่จ่าย ขู่จะประจานให้อับอาย หากเด็กไม่ยอมทำตามที่สั่ง สุดท้าย น.ส.เอ จึงจำใจไปรับแขกตามที่เสี่ยสั่ง รวม 4 ครั้ง จนทนไม่ไหว อยากจะหยุดแล้วแต่ก็ยังถูกเสี่ยอ้างว่ารู้จักตำรวจทั้งโรงพัก ไม่มีใครช่วยได้
ด.ญ.เอ เล่าว่า ในเดือนมิถุนายน 2564 เธอทะเลาะกับพ่อจนถูกไล่ออกจากบ้าน จึงไปขออาศัยอยู่กับรุ่นพี่หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในรีสอร์ต และรุ่นพี่ก็พาไปรู้จักกับเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตดังกล่าว
แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ รุ่นพี่ก็ย้ายไปอยู่กับแฟน ปล่อยให้เธออยู่ห้องเพียงคนเดียว ซึ่งเพียงไม่กี่วันทางเสี่ยก็เรียกเธอไปหา ถามว่าสนใจมาดูแลเฮียไหม ตอนแรกเธอเข้าใจว่าการดูแลคือการไปหุงข้าว ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน หรือไปบีบนวดให้ เพราะเสี่ยรายนี้อายุมากแล้ว น่าจะประมาณ 60 ปี จึงตอบไปว่าขอคิดดูก่อน แต่เธอก็ไม่ได้ไปตามที่เฮียชักชวน
หลังจากนั้นเธอกลับมาอยู่บ้าน กระทั่งในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ย่าก็ล้มป่วย ต้องผ่าตัดด่วน แต่เธอไม่มีเงินจึงโทร. ไปขอยืมจากรุ่นพี่ ซึ่งรุ่นพี่ก็แนะนำให้เธอไปขอยืมจากเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตดู เธอจึงไปยืมเงินจากเสี่ยตามที่รุ่นพี่แนะนำ จำนวน 6,300 บาท เพื่อมาจ่ายค่ารักษาย่า
จนต่อมาช่วงเดือนธันวาคม 2564 หรือมกราคม 2565 เสี่ยก็เรียกเธอให้ไปดูแล เธอเข้าใจว่าเสี่ยต้องการให้ไปหาข้าวหาน้ำให้กิน จึงไปที่รีสอร์ต แต่เมื่อไปถึงกลับถูกเสี่ยจับแขนลากเข้าห้อง และจับหน้าอก ล้วงอวัยวะเพศ พยายามจะข่มขืน แต่เธอดิ้นขัดขืนจึงหนีออกมาได้ และโทร. บอกให้เพื่อนมารับ
ด.ญ.เอ เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากหนีไปได้ประมาณ 2 เดือน ทางเสี่ยก็โทร. มาขู่อีกว่าหากไม่ทำงานใช้หนี้ จะบอกให้ที่บ้านรู้และจะไปแจ้งความเอาผิด และบังคับให้เธอขายบริการแก่แขกที่มาพักในรีสอร์ต โดยแขกคนแรกเห็นเธอนั่งร้องไห้อย่างเดียว จึงสงสารและไม่ได้ทำอะไร รวมถึงให้เงินมา 1,500 บาท จากนั้นเธอก็หายไปไม่ติดต่อเจ้าของรีสอร์ตอีก
จนเวลาผ่านไปเกือบเดือน เสี่ยก็โทร. มาข่มขู่อีกครั้ง ด.ญ.เอ ไม่อยากให้ที่บ้านรับรู้เพราะจะคิดมาก เนื่องจากย่าป่วยติดเตียง และปู่ก็เป็นอัลไซเมอร์ เธอจึงจำใจต้องไปรับแขกตามที่เสี่ยสั่ง ทั้งหมด 4 ครั้ง แต่ก็ยังเหลือหนี้จำนวนเท่าเดิม
ในที่สุดเมื่อ 2-3 วันก่อน เสี่ยก็ไลน์บอกให้เธอไปหาอีก แต่เธอไม่อยากทำงานแบบนี้แล้วจึงปฏิเสธ และมาขอความช่วยเหลือจากแม่บุญธรรม
ทั้งนี้ น.ส.น้อย (นามสมมติ) ซึ่งเด็กผู้เสียหายนับถือเป็นแม่บุญธรรม เผยว่า สิ่งที่เด็กเล่ามาถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก ทั้ง ๆ ที่เด็กไปยืมเงินเพื่อรักษาย่า แต่เจ้าของรีสอร์ตกลับพยายามข่มขืน เมื่อเด็กไม่ยอมก็บังคับให้ไปขายบริการอีก แถมยังมีการข่มขู่ว่าใครก็ทำอะไรตัวเองไม่ได้ เพราะรู้จักตำรวจในพื้นที่ทุกคน ตนจึงไม่กล้าพาเด็กเข้าแจ้งความ เพราะหากเป็นเช่นที่เสี่ยอ้างจริง ก็กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและกังวลเรื่องความปลอดภัย
แต่ที่ตัดสินใจนำเรื่องออกมาร้องผ่านสื่อ เพราะต้องการให้มูลนิธิฯ หรือหน่วยงานที่สามารถช่วยเหลือเด็กได้ เข้ามาช่วยเหลือน้องด้วย โดยเบื้องต้นตนได้พาน้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งหมอก็ให้ยาฆ่าเชื้อ และยาป้องกันติดเชื้อ HIV มารับประทาน ตอนนี้ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจเด็กที่โดนกระทำในลักษณะดังกล่าวก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น
