x close

พิมรี่พาย งัดหลักฐานโต้ สาวป่วยติดเตียง แฉไม่อยากรักษาเอง - ใส่ร้าย อมเงินบริจาค


          พิมรี่พาย งัดหลักฐานโต้ สาวกล้ามเนื้อสลาย ชี้ช่วยเหลือทุกอย่าง แต่ไม่ยอมร่วมมือ แถมห้ามหมอรักษา กลัวเบิกเงินคนพิการจากรัฐไม่ได้ แฉมาทวงเงินอีก 3.2 หมื่น บ่นได้เงินบริจาคลดลงเพราะพิมรี่พาย


          จากกรณีดราม่า พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ซึ่งได้เข้าไปช่วยเหลือคุณส้ม ที่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อสลาย ด้วยการเข้าไปช่วยเคลียร์บ้านและพาไปหาหมอ ซึ่งระหว่างนั้นมีการขนย้ายของใช้ออกไป แต่ต่อมากลับมีข่าวว่าคุณส้มต้องการสิ่งของที่พิมรี่พายเคลียร์ออกไปคืนมา ทว่าเมื่อติดต่อทีมงานไป กลับถูกบอกว่าเรื่องมันนานและจบไปแล้ว ก่อนจะเงียบหายไป

อ่านข่าว : สาวกล้ามเนื้อสลาย ร้องทีมงานพิมรี่พาย ขอคืนของกลับเงียบ - ตอนนี้ยังเดินไม่ได้

          ล่าสุด (14 พฤษภาคม 2565) พิมรี่พาย ได้ออกมาชี้แจงกรณี คุณส้ม ผ่านทางเพจ Pimrypie – พิมรี่พาย ระบุว่า ที่มาของเคสนี้ คุณส้ม เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงขยับตัวไม่ได้ ขยับได้แต่ส่วนหัว เลี้ยงลูกสาว 3 คน โดยมีคุณแม่ซึ่งเป็นหญิงวัยชราอีก 1 คน อาศัยอยู่ด้วย เมื่อเราเจอก็มีเจตนาที่ดีจะไปช่วยเหลือเคสนี้ จนสุดท้ายเราได้ข้อสรุปว่า คุณส้มต้องการความช่วยเหลือ แสดงเจตนารมย์ที่อยากจะหาย ยินดีให้พิมรี่พายช่วยเหลือทุกอย่าง

หมอยืนยัน มีโอกาสหายเลยไม่ให้บัตรคนพิการ


          ยอมรับจริง ๆ ว่าตอนตนเห็นสภาพห้องแล้วตกใจเล็กน้อย มีของเยอะมาก จากนั้นเราติดต่อคุณหมอกายภาพ วันนั้นเราพาคุณส้มนั่งรถไปหาหมอ ทางคุณส้มแจ้งเราว่าเขาไม่มีบัตรคนพิการ เขาจะไม่ได้รับเงินรักษาเป็นรายเดือน ซึ่งคุณหมอได้แจ้งพิมรี่พายว่าที่ทางโรงพยาบาลไม่ได้เขียนบัตรคนพิการให้ เพราะเคสแบบนี้มีโอกาสหาย ตนสารภาพว่าเราดีใจกันทั้งทีมงาน ว่าเดี๋ยวอีกไม่นานคุณส้มก็จะหาย คุณหมอบอกว่าต้องรักษา 16 ครั้ง รับรองว่า 16 ครั้งจะต้องดีขึ้นตามลำดับอย่างแน่นอน


ขนของออกเพราะหวังดี เช่าห้องให้เก็บของ 6 เดือน


          ตนเชิญคุณหมอไปที่ห้อง คุณหมอบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ขยับร่างกายไม่ได้ แล้วไม่มีที่ให้เดิน เชื้อรา แบคทีเรีย อากาศไม่ถ่ายเท ออกซิเจนไม่มี จะทำให้หายช้า ซึ่งตามปกติเราก็อยากให้ชีวิตเขาดี พูดง่าย ๆ ว่าเราเสือก จากนั้นตนก็ไปว่าจ้างบริษัททำความสะอาด ซึ่งตอนที่เก็บของคุณแม่ของคุณส้มก็อยู่ แล้วเป็นคนบอกว่าชิ้นนี้เอาไว้ ชิ้นนี้ทิ้ง

          ทีมงานแจ้งให้พิมรี่พายทราบว่า มีของที่คุณแม่เลือกไม่ให้ทิ้งไว้จำนวนเยอะมาก ตนจึงบอกว่าไม่ต้องคิดเยอะเลย ให้ไปเช่าห้องสำหรับเก็บของ เพื่อให้ห้องของคุณส้มเป็นห้องที่อาศัยอยู่เพื่อกายภาพ โดยเราเช่าห้องไว้ 3 เดือน เราเผื่อเวลาไว้สำหรับรักษา ตั้งแต่พฤจิกายน 2564 - มกราคม 2565 ซึ่งตนเสียค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด ค่าหมอ 16 ครั้ง ค่าทำความสะอาด ค่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าห้องเช่า ค่ารถพยาบาล และค่าจิปาถะเล็กน้อย เป็นเงิน 120,000 บาท

          จากนั้นเดือนมกราคม 2565 คุณส้มโทร. มาหาทีมงานว่ายังเดินไม่ได้ พิมรี่พายจึงบอกให้เช่าห้องต่อให้อีก 3 เดือน รวมกับของเก่าเป็น 6 เดือน

อ้างว่ายังเดินไม่ได้ ขัดกับบันทึกการรักษา


          นอกจากนี้พิมรี่พายยังโชว์ เอกสารบันทึกการรักษาทางกายภาพบำบัดจากคุณหมอที่รักษาคุณส้ม ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นการรักษาวันสุดท้าย ระบุว่าขณะนี้อาการของคุณส้มดีขึ้นตามลำดับ และกลับมาใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพจนเกือบเป็นปกติ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เปลี่ยนอิริยาบถจากนอนเป็นนั่งและจากนั่งเป็นยืนได้ โดยได้ทำการรักษาไป 16 ครั้งแล้ว


ปฏิเสธการรักษา ข้ออ้างสารพัด


          ทั้งนี้ คุณหมอส่งบันทึกการรักษามาให้ทีมงานของพิมรี่พายทุกครั้ง พบว่าคนไข้บอกว่ามีอาการปวดหัว และปฏิเสธการรักษา ตั้งแต่ครั้งที่ 5 ในครั้งที่ 10 มีอาการไอและปวดหัวเลยขอพัก สามารถทำกายภาพได้เล็กน้อย และในครั้งที่ 11 ได้มาดูคนไข้พร้อมนักเทคนิคการแพทย์เพื่อขอตรวจสุขภาพ เนื่องจากคนไข้ไม่สบายมาหลายวัน แต่คนไข้ปฏิเสธการตรวจร่างกาย และปฏิเสธการทำกายภาพบำบัด

          จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง พิมรี่พายแจ้งคุณหมอให้ถ่ายคลิปตอนคุณส้มลุกขึ้นมา ซึ่งคุณหมอก็ถ่ายคลิปส่งมาให้ แล้วนับจากนั้นตนก็ได้รับแจ้งจากคุณหมอทุกสัปดาห์ว่าคุณส้มไม่อยากรักษา


ถูกไล่ไม่ให้รักษา กลัวไม่ได้เงินคนพิการ


          โดยข้อความที่ปรากฏในแชตที่คุณหมอส่งมาแจ้งพิมรี่พาย ระบุว่า คุณส้มยืนได้แล้ว แต่คุณยายไล่ไม่ให้ไปรักษา เพราะถ้าหายจะขึ้นเป็นคนพิการขอเงินจากภาครัฐไม่ได้ และคุณยายยังบอกว่าหมอที่โรงพยาบาลไม่ยอมเขียนว่าคุณส้มพิการเพราะหายได้ คุณหมอจึงยืนยันว่าพูดถูกแล้ว

          ทั้งนี้ คุณหมอโทร. มาแจ้งทีมงานพิมรี่พายว่าขอไม่ไปแล้ว เพราะไปแล้วคุณส้มไม่ให้ความร่วมมือ ไปแล้วบั่นทอนคุณหมอ


ยังอ้างเดินไม่ได้ ส่งมาทวงของ - ค่าเสียหาย จากทีมงานพิมรี่พาย


          และเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 คุณส้มได้ทักไลน์มาหาทีมงานพิมรี่พาย แจ้งทีมงานว่าบริษัททำความสะอาดขนของตัวเองไปเยอะเลย ของหายไปเยอะ ซึ่งทีมงานก็ยืนยันว่าไม่มีของหาย ขยะที่ทิ้งมีแต่พวกกล่องลังกับอาหาร จากนั้นคุณส้มก็โทร. มาคุยกับทีมงานอีกนานถึงครึ่งชั่วโมง

          ต่อมาคุณส้มยังส่งไลน์มาถามอีกว่า ห้องที่เช่าให้จะเช่าต่อหรือไม่ เพราะตัวเองยังเดินไม่ได้ ส่วนค่าเสื้อผ้าแม่ที่บอกจะซื้อกับของที่มีคนเอาไป จะโอนมาให้หรือทีมงานจะมา รวมถึงขอให้ทีมงานมาติดราวสแตนเลสในห้องให้ด้วย

          นอกจากนี้ คุณส้มยังส่งภาพค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาให้ทีมงานอีก เช่น เสื้อผ้าแม่ 5,000 บาท เสื้อผ้าเซ็ต 5,000 บาท ชุดเด็กเจ้าหญิง 3,120 บาท ค่าลำโพง เครื่องกรองน้ำ และอื่น ๆ รวมเป็นเงิน 32,415 บาท โดยคุณส้มแจ้งว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือสิ่งที่ทีมงานพิมรี่พายก่อให้เกิดความเสียหาย จึงมาเรียกร้องเงิน


บทสรุป คำชี้แจงจากพิมรี่พาย


          สุดท้ายจบว่าคุณส้มต้องการ ค่าใช้จ่ายอีกกว่า 32,000 บาท ซึ่งพิมรี่พายขออนุญาตชี้แจงตรงนี้เลยว่า "ของในห้องพี่ส้ม เอาไปก็ทำอะไรไม่ได้"

          พิมรี่พาย ยังบอกอีกว่า "แต่ในเมื่อเขาขอ พิม ให้ เดี๋ยวทีมงานไปจัดการโอนเงินให้เขา"


ใส่ร้ายพิมรี่พาย อมเงินบริจาค - ทำตัวเองได้เงินน้อยลง


          อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งพิมรี่พายรู้สึกไม่เข้าใจคุณส้มคือ คุณส้มยังมีการโพสต์ลงเฟซบุ๊ก บ่นว่า อยากได้ความช่วยเหลือ อยากเดินได้ อยากได้ค่าข้าวสาร อยากได้ค่าอื่น ๆ แถมยังบอกกับทีมงานว่าตั้งแต่พิมรี่พายเข้ามา เงินบริจาคเขาน้อยลง

          นอกจากนี้คุณส้มยังบอกว่า พิมรี่พายไปเปิดบัญชีรับบริจาค แล้วไม่ยอมเอาเงินไปให้เขา อ้างว่าปกติเขาจะมียอดเงินที่ได้บริจาคมากกว่านี้

          ทั้งนี้ พิมรี่พายยอมรับว่าช็อก และยืนยันว่าตนไม่เคยรับเงินบริจาค อาชีพเดียวที่มีคือขายของ

          อย่างไรก็ตาม ตนขอชี้แจงเพียงเท่านี้ และจะดำเนินความช่วยเหลือ ให้กับเคสที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือต่อไป





ขอบคุณข้อมูลจาก Pimrypie – พิมรี่พาย







เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พิมรี่พาย งัดหลักฐานโต้ สาวป่วยติดเตียง แฉไม่อยากรักษาเอง - ใส่ร้าย อมเงินบริจาค อัปเดตล่าสุด 15 พฤษภาคม 2565 เวลา 19:40:44 50,414 อ่าน
TOP