หมอพรทิพย์ เปิดใจ ลั่นอุปสรรคใหญ่ คดีแตงโม นิดา คือ แม่-ทนาย เป็นคดีแรกที่ญาติผู้ตายไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย เผยถึงโดนด่าว่าทำคดีจบยากก็ยอม เพื่อความยุติธรรม
วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เปิดใจคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา พร้อมยืนยันจุดตกเรือมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เผยเรื่องกระแสที่คนกล่าวหาหิวแสง และทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี หนิง ปณิตา ธัญญ่า ธัญญาเรศ และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ในเรื่องของบาดแผลก้างปลา คุณหญิงหมอเคยบอกว่าแผลก้างปลานำพาไปจุดเกิดเหตุ เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ ?
หมอพรทิพย์ : ในคดีมันมีหลายประเด็นแต่ตัวเองได้เข้าไปเห็นในการผ่าครั้งที่ 2 กับบาดแผลที่มันไม่ถูกเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนั้นที่เห็นคิดว่ามันเป็นก้างปลาด้านหลัง แผลถลอกตื้นเป็นริ้ว ตอนนั้นนึกยังไม่ออก ไม่ใบพัดก็ท้องเรือประมาณนั้น ในระหว่างนั้นพูดไม่ได้ บอกได้แค่ว่ามีการจำลองหรือยังด้วยบทบาท ในระหว่างนั้นเลยไปคุยกับวิศวะบ้าง นั่งเรือบ้าง แล้วก็เห็นคลื่นน้ำท้ายเรือ บวกกับเราไม่เชื่อว่าคือการไปนั่งฉี่ท้ายเรือ
เราเอาตรงนี้มาประกอบกัน แล้วทำให้เราเข้าใจได้ว่าจุดตกน่าจะเป็นหัวเรือ แต่ก็ยังไม่พูดจนกระทั่งได้เจอกับวิศวะกรบ้าง คนที่ขับเรือบ้าง คนที่เชี่ยวชาญเรือบ้าง คือนอกรอบเนี่ยยืนยันทุกคนว่าตกหัวเรือ จนกระทั่งมีรายการหนึ่งที่เชิญเราไม่บอกว่าเราคิดถึงไหน เขาบอกเขาเล่นเรือเยอะ เขาบอกเลยค่ะว่า 12 นาฬิกา และไม่ใช่ 1 และไม่ใช่ 11 เนี่ยทำให้เราได้ยินข้อมูลทางวิชาการ
ทำไมแผลก้างปลาถึงเป็นการบ่งบอกว่าตกจุดไหนของเรือ ?
หมอพรทิพย์ : แผลก้างปลาเมื่อมันสม่ำเสมอ และเราตั้งสมมติฐานโดนใบพัด คือร่างต้องผ่านตรง ๆ กระแสน้ำต้องพาตรง ๆ ถ้าโดนใบพัดบริเวณอื่น คลื่นมันจะไป ๆ มา ๆ โอกาสที่จะนิ่งเลยยาก เราเลยตั้งสมมติฐานว่าเป็นกระแสน้ำตรง ตรงไหนบ้างล่ะที่จะตรง พอเขาบอกว่าจุดหัวเรือเนี่ยคำอธิบายมันตามมาเลยว่าทำไมแผลมันจึงตื้น เพราะด้านหน้าใบพัดฟิน พอร่างไปมันจะกดร่างไว้ใบพัดก็จะเฉี่ยวเฉย ๆ มันก็เป็นวิทยาศาสตร์ ในอันที่ 2 ที่สนับสนุนจุดตกเรือ จุดตกเรือเป็นวิทยาศาสตร์ที่น่าฟังมากกว่าพยานบุคคล
ทางเจ้าหน้าที่ยังคงยืนยันจุดตกเรือจากพยานบุคคล ?
หมอพรทิพย์ : ถ้าจากวิทยาศาสตร์คงได้แค่อันเดียวก็คือภาพวงจรปิด
วิทยาศาสตร์ยืนยันการตกที่หัวเรือ ?
หมอพรทิพย์ : 1 คือบาดแผล 2 มีคนที่รู้เรื่องคลื่นหรือกระแสน้ำยืนยัน ประมาณนั้นค่ะ
การตกหัวเรือกับท้ายเรือส่งผลในคดียังไงบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : ในคดีมันยังมีคำถามมากมาย เช่น เขาไปฉี่ท้ายเรือจริงเหรอ ตกท้ายเรือจริงเหรอ บาดแผลใหญ่เกิดจากใบพัดเรือหรือเกิดจากอาวุธมีด ทั้งหมดนี่ตอบยากมาก เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่คนแรกจะต้องเป็นคนตอบ แต่แผลก้างปลาช่วยในเรื่องการบอกจุดตกเรือ พอบอกจุดตกเรือในเรือลำเล็ก ๆ ที่หัวเรือ มีหรือที่เหลือจะไม่เห็น มันน่าจะเป็นจุดที่เอาไปไขปริศนาเพื่อตรวจสอบคำให้การ เป็นปกติที่ตำรวจต้องฟังเพื่อที่จะไปดูว่าคำให้การใครเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง
มีวงในไหมว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ฟังไหม ว่ามีบุคคลที่เชื่อถือได้และวิทยาศาสตร์รองรับ ?
หมอพรทิพย์ : บอกเลยว่าคงไม่ฟัง เพราะว่าเราพยายามประสานเชิญไปพูดคุย แต่เราก็ต้องระวังเพราะในบทบาทเราเข้าแทรกไม่ได้ ในการพูดคุยเราพูดคุยในจุดตกเรืออะไรหลายอย่าง สิ่งที่เห็นคือวันรุ่งขึ้นก็มีทนายลุกขึ้นมาด่า ด่าเป็นชุดเลย เราก็เริ่มรู้ทนายไม่ได้พูดเอง เพราะเราไม่เจอทนาย ทนายไม่ได้เห็นเอง
ใช่ทนายคุณแม่ไหม ?
หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ โผล่มาแล้วก็ด่าเรา เราก็แบบแสดงว่าตำรวจคงไม่พอใจ พอตามมาอีกทีคือทั้งคู่ไปยื่นเรื่องที่กรรมาธิการเพื่อจะถอด เราก็ขำ ทั้งคู่เนี่ยเป็นคนที่ต้องอยู่ข้างน้องแตงโม ยังไม่เคยจะมาดูเลยว่าเราเห็นอะไรทำไมเอาแต่ด่า ก็เลยรู้เลยว่าตำรวจน่าจะไม่พอใจ
บางกระแสบอกว่า พอคุณหญิงหมอเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้คดีนี้จบยาก ?
หมอพรทิพย์ : จะว่าอะไรก็ช่าง แต่ถ้าความยากนั้นพาไปสู่ความจริงหรือความยุติธรรมก็ต้องทำค่ะ ไม่ต้องไปกลัวมัน เราไม่ใช่เข้าไปเพราะเราอยากดัง ไม่ใช่หน้าที่ อันนี้มันใช่หน้าที่ เพราะตามในเชิงระบบตั้งแต่ต้น
มีคนเมาท์ว่าคนเกาะคดีนี้ หาว่าหิวแสง ?
หมอพรทิพย์ : อย่างแรกเขาคงจะถอดมาจากความคิดเขาว่าตัวพวกเขาก็หิวแสง เลยบอกว่าคนที่เข้ามาแบบนี้จะหิวแสง แต่ถ้าอธิบายจริง ๆ เป็นคนที่แต่งตัวยังงี้ไม่ชอบให้ใครมามอง เป็นมาตั้งแต่สาว ๆ ทำงานยังงี้ก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมามอง แสงมันเข้าตั้งแต่คดีเจนจิรา แสงเข้ามาชนิดที่ขยับตัวยากมากเลย ถามว่าเราหิวแสงไหมไม่เลย แต่ว่าเราพยายามจะใช้ความสว่างที่มาที่ตัวส่งไปให้เห็นปัญหา
มีหลายกระแสว่า รู้สึกยังไงบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : เราเหมือนถูกฉีดวัคซีนให้มีภูมิกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ต้น พอเขาด่าเราไม่โกรธ เราก็จะดูว่าที่เขาด่าเป็นจริงไหม อย่างว่าแต่งตัวบ้า ฉันไม่ได้แต่งตัวให้เธอดูฉันมีความสุขของฉัน พอเราดูว่าเราไม่ได้ผิดมันก็ฝึกว่าช่างหัวมัน พอมาถึงรอบนี้ก็ขอบคุณที่เขาด่า มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะไปยุ่งด้วย เพราะมันเป็นคำที่ต่ำเกินไปจะต่อสู้เลยเฉย ๆ
อะไรที่ทำให้ยังคงเดินหน้าต่อกับคดีแตงโม ?
หมอพรทิพย์ : เป็นคนเชื่อเรื่องธรรมะจัดสรร ธรรมะคุ้มครอง วันหนึ่งเห็นคดีน้องแตงโม เราเห็นความผิดปกติ 2 อย่างในทันที คือ ทำไมเพื่อน ๆ ไม่เสียใจทำไมกลับบ้านได้ เราเริ่มเอะใจ อันที่ 2 ที่เราเริ่มเห็นทำไมเขาปล่อย 5 คน กลับบ้านเอาเรือไปเก็บอู่ แล้วพอมาเจออันที่ 3 ทำไมไปสรุปว่าเขาฉี่ท้ายเรือแล้วเชื่อ ใน 3 อัน เราจะตามเชิงระบบเพราะว่าระบบของการรวบรวมพยานหลักฐานของไทยเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คือให้พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจ ถ้าโครงบอกว่าอย่างนี้เขาก็จะเอาอย่างนี้ เราก็เลยเฝ้าตามไม่ได้คิดว่าจะมีส่วนเข้าไปนะ จู่ ๆ คุณแม่ก็นึกถึงคุณมาแล้วโทร. มาหา เราไม่อยากยุ่งกับคดี เข้าไปเห็นบาดแผลโดยหน้าที่สิ่งนี้เหมือนพยายามบอกอะไรเรา เลยใช้สมาธิอยู่กับแผลก้างปลานั่นแหละ
มีข้อสงสัยว่าอาจจะถูกทำร้ายบนเรือ แต่จะมีสารตรวจเลือด ที่ตรวจแล้วเห็นเลือดตรงนั้นได้ และจะต้องตรวจในที่ที่มืดมาก ๆ แต่เห็นตอนที่ตรวจไปตรวจที่อู่จอดเรือซึ่งมีความสว่าง ?
หมอพรทิพย์ : ถ้าบอกว่าแผลเกิดขึ้นก่อนตายก็ต้องพิสูจน์ว่าก่อนตกน้ำหรืออยู่ในน้ำ สารตัวนี้เป็นสารเคมีที่จับกับเม็ดเลือดแดง ต่อให้ล้างตาเปล่ามองไม่เห็นคราบมันติดอยู่ เพียงแต่ว่าข้อจำกัดของมันคือต้องมืดสนิท การที่เราจะบอกว่าตรวจไม่เจอเนี่ยจะต้องมีวิธีทำให้คนเชื่อว่าคุณได้ทำเงื่อนไขสภาพแวดล้อมได้ถูกต้องแล้ว สว่างนิดเดียวคือมองไม่เห็นเลยค่ะ เท่าที่เห็นในสภาพต้องเอาเข้าที่จำกัด แต่เราก็จะเห็นว่าเรือไม่ได้ไปไหนจากบริเวณอู่
จุดนี้เป็นอีกจุดที่ไม่ชัดเจน ที่บอกว่าไม่เจอเลือด ?
หมอพรทิพย์ : ไม่ได้บอกว่าเขาทำไม่ชัดเจน แต่บอกว่าผู้ที่จะทำให้ชัดเจนได้คือท่านอัยการ ถ้ายังเป็นข้อสงสัยสามารถให้หน่วยงานอื่นตรวจ ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีนี้
เลือดยังอยู่ได้นานไหม ?
หมอพรทิพย์ : คราบเลือดที่จะทำให้ตรวจได้ถ้าอยู่ในสภาพแห้งยังไงก็ยังตรวจได้ แต่อย่างที่บอกเคยทักว่าฝนกระหน่ำ แล้วเรือมันจอดยังงั้น แล้วในระหว่างนั้นจะมีใครล้างเรือหรือเปล่าเราก็ไม่รู้
อะไรคืออุปสรรคของคดีนี้ ?
หมอพรทิพย์ : อุปสรรคใหญ่สุดเลยคือเป็นคดีแรกที่ตัวแทนของคนตายไม่ได้อยากให้เราเข้าไปช่วยเต็มที่ คือทั้งแม่และทั้งทนาย เราพยายามเรียกให้เขามาดูแผล เขาให้ตัวแทนมาก็ไปว่าตัวแทนอีก อุปสรรคที่ 2 คงจะเป็นพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนเป็นประจำอยู่แล้วถ้าเขาไม่เชื่อเขาก็ไม่เอา
![หมอพรทิพย์ หมอพรทิพย์]()
แนวโน้มจุดจบคดีนี้ ?
หมอพรทิพย์ : ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ถ้าถามว่าทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนแรกก็มันพูดไม่ได้ เราเชื่อได้ว่าธรรมะจัดสรร ธรรมะก็คุ้มครอง อย่าเพิ่งไปหมดใจว่าทำไรไม่ได้
เป็นคดีแรกในชีวิตที่ยาก ?
หมอพรทิพย์ : ไม่ใช่ค่ะเป็นคดีแรกที่ญาติผู้ตายไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย
คาดการณ์แนวโน้มคดีจะจบยังไง ?
หมอพรทิพย์ : ไม่เคยคาดค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ มันจะจบยังไงก็ช่างแต่สักวันหนึ่งมันก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลง เราทำให้ดีที่สุด
ย้อนกลับไปคดีดังที่คุณหญิงหมอปฏิเสธเงินล้าน ?
หมอพรทิพย์ : ตอนนั้นดังจากคดีเจนจิรา บุคลิกแปลก สื่ออยากจะสัมภาษณ์ พอสัมภาษณ์อยากจะให้ถ่ายโฆษณา มีครั้งหนึ่งเชิญเราเล่นหนังบ้าง โฆษณาบ้าง เราก็มานั่งคิดว่าคงไม่ได้ให้เรามาเพื่อค่าตอบแทนพวกนี้บ้าง เลยขออนุญาตเขาว่าขอไม่เอา
คุณหญิงหมอกับตำรวจเหมือนเส้นขนาน มีโอกาสมาเจอกันแล้วเดินไปด้วยกันได้ไหม ?
หมอพรทิพย์ : ย้ายมากรุงเทพฯ ก็ทำงานคู่กันมาตลอดเลยนะ ไม่มีวันที่จะทำให้เราเปลี่ยน มันต้องเป็นความจริงอย่างเดียว
เคยโดนข่มขู่บ้างไหม ?
หมอพรทิพย์ : บ่อย ๆ มีเสียงเข้ามา แต่หลัง ๆ เราเชื่อว่าความเกลียดยิ่งกว่าการข่มขู่ ด่าแบบด่านอกรอบ ด่าในรอบ ด่าแบบตรง ๆ เราก็ฝึกแล้วว่าไม่เอาใจไปรับก็ช่างหัวมัน เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำเพราะเกลียดเขา เราทำแทนคนตาย ไม่ใช่แค่คดีแตงโม เสมอมาก็เป็นอย่างนั้น
ที่ผ่านมาเวลาโดนขู่ สามีและลูกว่าอย่างไรบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : ทั้งคู่ไม่แฮปปี้ มันเหมือนจู่ ๆ แม่มาโดนด่า สามีเราตกลงกันก่อนแต่งงานแล้วว่าฉันเป็นอย่างนี้นะไม่เปลี่ยน ส่วนลูกก็ไม่ชอบ แต่พอที่จะเข้าใจ
ห่วงความปลอดภัยของตัวเองไหม ?
หมอพรทิพย์ : จะบอกว่าไม่ห่วงก็ไม่เชิง แต่ว่าเราจะระมัดระวังตัว เราไม่ได้มีอารมณ์อยากเข้าไปยุ่ง เมื่อมันมาในหน้าที่ก็ทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง
มีครั้งหนึ่งเสียใจหนักมากถูกยื่นเรื่องฎีกา ?
หมอพรทิพย์ : ครั้งนั้นไม่ใช่คดี แต่เป็นการตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แล้วมีการไปดูงานที่ต่างประเทศ งบประมาณมี 2 ส่วน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ธุรการอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เลยมีการเบิกผิด สำหรับคน 20 คน เราคงเป็นจุดที่มีผู้ไม่ชอบทำเรื่องร้องเรียน กระทรวงสอบ 3 หนแล้วมันไม่ผิด มันเป็นความบกพร่องเจ้าหน้าที่ เบิกผิดก็คืนไป แต่ว่าด้วยการเมืองตอนนั้น เขาเลยกระตุ้นให้คนนี้ไปถวายฎีกา สารพัดเรื่องเลย เลยทำให้แป๊กไป 3 ปี ความรู้สึกของเราเนี่ยมันหยุดไปสักนิดหนึ่งว่าเรารู้สึกเสียใจ กลัวในหลวงไม่รัก เราก็ถามตัวเองว่าจะเป็นยังไง ไม่รักก็ไม่รัก ก็ทำงานต่อก็เลยหาย ดรอปตอนนั้นคงเป็นดรอปครั้งใหญ่ เพราะเราไม่อยากให้ท่านฟังเรื่องผิด ๆ ก็ช่างหัวมันสุดท้าย
เวลาเจออะไรหนัก ๆ จัดการยังไง ?
หมอพรทิพย์ : ใหม่ ๆ ก็คุยแบบระบายทุกข์พบว่ามันไม่หมดมันก็กลับมาใหม่ ตอนหลังก็เลยเริ่มมาแกะ มันเกิดจากเขากับเรา เขาอะแก้ยาก เลยใช้วิธีแก้เรา ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเราจะฝึกช่างหัวมัน
ประชาชนรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในปัจจุบัน คุณหญิงมีจะผลักดันเรื่องนี้ยังไงบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : ตั้งแต่ทำงานมาความยุติธรรมไม่ได้มีมาแบบอัตโนมัติ ถ้าพูดนี้ใคร ๆ ก็จะไม่ค่อยกล้าเข้ามาแก้ปัญหา เพราะว่ามาตรการ โดยตัวเองเราทำงานเรื่องนี้รู้สึกว่าสามารถสร้างความอิ่มใจโดยที่ไม่ต้องรอเงินในบัญชีขึ้นคือเราผ่าศพแล้วหาความจริงได้ แต่พอหลังจากนั้นมันมีความเปลี่ยนแปลงเราก็เบนออกไปหาการตั้งสถาบันเพื่อจะทำให้สังคมดีขึ้น ไม่ไปคาดหวังเขาว่าเขาจะช่วยเรามั้ย แต่ถ้ามีโอกาสมาเมื่อไหร่เราจะเดินต่อทันที สิ่งที่อยากจะทำคือสอนให้ทนายหรือนักกฎหมาย มีความรู้นิติวิทยาศาสตร์เยอะ ๆ เพราะบางทีตำรวจไม่รู้เรื่อง ทนายไม่ต่อสู้ให้ มันยากมากเลยที่จะนำไปสู่ตอนท้ายที่มีความยุติธรรม
คดีน้องแตงโม คุณหมอจะมีโอกาสเข้าไปเป็นพยานในชั้นอัยการไหม ?
หมอพรทิพย์ : ไม่มี ถ้าไม่อยู่ในสำนวนพยานของตำรวจ ตราบใดที่ยังไม่จบอัยการยังสั่งได้ แต่ถ้าอัยการสั่งฟ้องแล้วก็จบ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา13.15 - 14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
![หมอพรทิพย์ หมอพรทิพย์]()
![หมอพรทิพย์ หมอพรทิพย์]()
![แตงโม แตงโม]()

วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ เปิดใจคดีการเสียชีวิตของดาราสาว แตงโม นิดา พร้อมยืนยันจุดตกเรือมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เผยเรื่องกระแสที่คนกล่าวหาหิวแสง และทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี หนิง ปณิตา ธัญญ่า ธัญญาเรศ และอาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ในเรื่องของบาดแผลก้างปลา คุณหญิงหมอเคยบอกว่าแผลก้างปลานำพาไปจุดเกิดเหตุ เพราะมันเป็นวิทยาศาสตร์ ?
หมอพรทิพย์ : ในคดีมันมีหลายประเด็นแต่ตัวเองได้เข้าไปเห็นในการผ่าครั้งที่ 2 กับบาดแผลที่มันไม่ถูกเปลี่ยนแปลงเลย ตอนนั้นที่เห็นคิดว่ามันเป็นก้างปลาด้านหลัง แผลถลอกตื้นเป็นริ้ว ตอนนั้นนึกยังไม่ออก ไม่ใบพัดก็ท้องเรือประมาณนั้น ในระหว่างนั้นพูดไม่ได้ บอกได้แค่ว่ามีการจำลองหรือยังด้วยบทบาท ในระหว่างนั้นเลยไปคุยกับวิศวะบ้าง นั่งเรือบ้าง แล้วก็เห็นคลื่นน้ำท้ายเรือ บวกกับเราไม่เชื่อว่าคือการไปนั่งฉี่ท้ายเรือ
เราเอาตรงนี้มาประกอบกัน แล้วทำให้เราเข้าใจได้ว่าจุดตกน่าจะเป็นหัวเรือ แต่ก็ยังไม่พูดจนกระทั่งได้เจอกับวิศวะกรบ้าง คนที่ขับเรือบ้าง คนที่เชี่ยวชาญเรือบ้าง คือนอกรอบเนี่ยยืนยันทุกคนว่าตกหัวเรือ จนกระทั่งมีรายการหนึ่งที่เชิญเราไม่บอกว่าเราคิดถึงไหน เขาบอกเขาเล่นเรือเยอะ เขาบอกเลยค่ะว่า 12 นาฬิกา และไม่ใช่ 1 และไม่ใช่ 11 เนี่ยทำให้เราได้ยินข้อมูลทางวิชาการ
ทำไมแผลก้างปลาถึงเป็นการบ่งบอกว่าตกจุดไหนของเรือ ?
หมอพรทิพย์ : แผลก้างปลาเมื่อมันสม่ำเสมอ และเราตั้งสมมติฐานโดนใบพัด คือร่างต้องผ่านตรง ๆ กระแสน้ำต้องพาตรง ๆ ถ้าโดนใบพัดบริเวณอื่น คลื่นมันจะไป ๆ มา ๆ โอกาสที่จะนิ่งเลยยาก เราเลยตั้งสมมติฐานว่าเป็นกระแสน้ำตรง ตรงไหนบ้างล่ะที่จะตรง พอเขาบอกว่าจุดหัวเรือเนี่ยคำอธิบายมันตามมาเลยว่าทำไมแผลมันจึงตื้น เพราะด้านหน้าใบพัดฟิน พอร่างไปมันจะกดร่างไว้ใบพัดก็จะเฉี่ยวเฉย ๆ มันก็เป็นวิทยาศาสตร์ ในอันที่ 2 ที่สนับสนุนจุดตกเรือ จุดตกเรือเป็นวิทยาศาสตร์ที่น่าฟังมากกว่าพยานบุคคล
ทางเจ้าหน้าที่ยังคงยืนยันจุดตกเรือจากพยานบุคคล ?
หมอพรทิพย์ : ถ้าจากวิทยาศาสตร์คงได้แค่อันเดียวก็คือภาพวงจรปิด

วิทยาศาสตร์ยืนยันการตกที่หัวเรือ ?
หมอพรทิพย์ : 1 คือบาดแผล 2 มีคนที่รู้เรื่องคลื่นหรือกระแสน้ำยืนยัน ประมาณนั้นค่ะ
การตกหัวเรือกับท้ายเรือส่งผลในคดียังไงบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : ในคดีมันยังมีคำถามมากมาย เช่น เขาไปฉี่ท้ายเรือจริงเหรอ ตกท้ายเรือจริงเหรอ บาดแผลใหญ่เกิดจากใบพัดเรือหรือเกิดจากอาวุธมีด ทั้งหมดนี่ตอบยากมาก เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่คนแรกจะต้องเป็นคนตอบ แต่แผลก้างปลาช่วยในเรื่องการบอกจุดตกเรือ พอบอกจุดตกเรือในเรือลำเล็ก ๆ ที่หัวเรือ มีหรือที่เหลือจะไม่เห็น มันน่าจะเป็นจุดที่เอาไปไขปริศนาเพื่อตรวจสอบคำให้การ เป็นปกติที่ตำรวจต้องฟังเพื่อที่จะไปดูว่าคำให้การใครเป็นจริงหรือไม่เป็นจริง
มีวงในไหมว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ฟังไหม ว่ามีบุคคลที่เชื่อถือได้และวิทยาศาสตร์รองรับ ?
หมอพรทิพย์ : บอกเลยว่าคงไม่ฟัง เพราะว่าเราพยายามประสานเชิญไปพูดคุย แต่เราก็ต้องระวังเพราะในบทบาทเราเข้าแทรกไม่ได้ ในการพูดคุยเราพูดคุยในจุดตกเรืออะไรหลายอย่าง สิ่งที่เห็นคือวันรุ่งขึ้นก็มีทนายลุกขึ้นมาด่า ด่าเป็นชุดเลย เราก็เริ่มรู้ทนายไม่ได้พูดเอง เพราะเราไม่เจอทนาย ทนายไม่ได้เห็นเอง

ใช่ทนายคุณแม่ไหม ?
หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ โผล่มาแล้วก็ด่าเรา เราก็แบบแสดงว่าตำรวจคงไม่พอใจ พอตามมาอีกทีคือทั้งคู่ไปยื่นเรื่องที่กรรมาธิการเพื่อจะถอด เราก็ขำ ทั้งคู่เนี่ยเป็นคนที่ต้องอยู่ข้างน้องแตงโม ยังไม่เคยจะมาดูเลยว่าเราเห็นอะไรทำไมเอาแต่ด่า ก็เลยรู้เลยว่าตำรวจน่าจะไม่พอใจ
บางกระแสบอกว่า พอคุณหญิงหมอเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้คดีนี้จบยาก ?
หมอพรทิพย์ : จะว่าอะไรก็ช่าง แต่ถ้าความยากนั้นพาไปสู่ความจริงหรือความยุติธรรมก็ต้องทำค่ะ ไม่ต้องไปกลัวมัน เราไม่ใช่เข้าไปเพราะเราอยากดัง ไม่ใช่หน้าที่ อันนี้มันใช่หน้าที่ เพราะตามในเชิงระบบตั้งแต่ต้น
มีคนเมาท์ว่าคนเกาะคดีนี้ หาว่าหิวแสง ?
หมอพรทิพย์ : อย่างแรกเขาคงจะถอดมาจากความคิดเขาว่าตัวพวกเขาก็หิวแสง เลยบอกว่าคนที่เข้ามาแบบนี้จะหิวแสง แต่ถ้าอธิบายจริง ๆ เป็นคนที่แต่งตัวยังงี้ไม่ชอบให้ใครมามอง เป็นมาตั้งแต่สาว ๆ ทำงานยังงี้ก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมามอง แสงมันเข้าตั้งแต่คดีเจนจิรา แสงเข้ามาชนิดที่ขยับตัวยากมากเลย ถามว่าเราหิวแสงไหมไม่เลย แต่ว่าเราพยายามจะใช้ความสว่างที่มาที่ตัวส่งไปให้เห็นปัญหา

มีหลายกระแสว่า รู้สึกยังไงบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : เราเหมือนถูกฉีดวัคซีนให้มีภูมิกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ต้น พอเขาด่าเราไม่โกรธ เราก็จะดูว่าที่เขาด่าเป็นจริงไหม อย่างว่าแต่งตัวบ้า ฉันไม่ได้แต่งตัวให้เธอดูฉันมีความสุขของฉัน พอเราดูว่าเราไม่ได้ผิดมันก็ฝึกว่าช่างหัวมัน พอมาถึงรอบนี้ก็ขอบคุณที่เขาด่า มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าอยากจะไปยุ่งด้วย เพราะมันเป็นคำที่ต่ำเกินไปจะต่อสู้เลยเฉย ๆ
อะไรที่ทำให้ยังคงเดินหน้าต่อกับคดีแตงโม ?
หมอพรทิพย์ : เป็นคนเชื่อเรื่องธรรมะจัดสรร ธรรมะคุ้มครอง วันหนึ่งเห็นคดีน้องแตงโม เราเห็นความผิดปกติ 2 อย่างในทันที คือ ทำไมเพื่อน ๆ ไม่เสียใจทำไมกลับบ้านได้ เราเริ่มเอะใจ อันที่ 2 ที่เราเริ่มเห็นทำไมเขาปล่อย 5 คน กลับบ้านเอาเรือไปเก็บอู่ แล้วพอมาเจออันที่ 3 ทำไมไปสรุปว่าเขาฉี่ท้ายเรือแล้วเชื่อ ใน 3 อัน เราจะตามเชิงระบบเพราะว่าระบบของการรวบรวมพยานหลักฐานของไทยเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว คือให้พนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจ ถ้าโครงบอกว่าอย่างนี้เขาก็จะเอาอย่างนี้ เราก็เลยเฝ้าตามไม่ได้คิดว่าจะมีส่วนเข้าไปนะ จู่ ๆ คุณแม่ก็นึกถึงคุณมาแล้วโทร. มาหา เราไม่อยากยุ่งกับคดี เข้าไปเห็นบาดแผลโดยหน้าที่สิ่งนี้เหมือนพยายามบอกอะไรเรา เลยใช้สมาธิอยู่กับแผลก้างปลานั่นแหละ
มีข้อสงสัยว่าอาจจะถูกทำร้ายบนเรือ แต่จะมีสารตรวจเลือด ที่ตรวจแล้วเห็นเลือดตรงนั้นได้ และจะต้องตรวจในที่ที่มืดมาก ๆ แต่เห็นตอนที่ตรวจไปตรวจที่อู่จอดเรือซึ่งมีความสว่าง ?
หมอพรทิพย์ : ถ้าบอกว่าแผลเกิดขึ้นก่อนตายก็ต้องพิสูจน์ว่าก่อนตกน้ำหรืออยู่ในน้ำ สารตัวนี้เป็นสารเคมีที่จับกับเม็ดเลือดแดง ต่อให้ล้างตาเปล่ามองไม่เห็นคราบมันติดอยู่ เพียงแต่ว่าข้อจำกัดของมันคือต้องมืดสนิท การที่เราจะบอกว่าตรวจไม่เจอเนี่ยจะต้องมีวิธีทำให้คนเชื่อว่าคุณได้ทำเงื่อนไขสภาพแวดล้อมได้ถูกต้องแล้ว สว่างนิดเดียวคือมองไม่เห็นเลยค่ะ เท่าที่เห็นในสภาพต้องเอาเข้าที่จำกัด แต่เราก็จะเห็นว่าเรือไม่ได้ไปไหนจากบริเวณอู่

จุดนี้เป็นอีกจุดที่ไม่ชัดเจน ที่บอกว่าไม่เจอเลือด ?
หมอพรทิพย์ : ไม่ได้บอกว่าเขาทำไม่ชัดเจน แต่บอกว่าผู้ที่จะทำให้ชัดเจนได้คือท่านอัยการ ถ้ายังเป็นข้อสงสัยสามารถให้หน่วยงานอื่นตรวจ ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดีนี้
เลือดยังอยู่ได้นานไหม ?
หมอพรทิพย์ : คราบเลือดที่จะทำให้ตรวจได้ถ้าอยู่ในสภาพแห้งยังไงก็ยังตรวจได้ แต่อย่างที่บอกเคยทักว่าฝนกระหน่ำ แล้วเรือมันจอดยังงั้น แล้วในระหว่างนั้นจะมีใครล้างเรือหรือเปล่าเราก็ไม่รู้
อะไรคืออุปสรรคของคดีนี้ ?
หมอพรทิพย์ : อุปสรรคใหญ่สุดเลยคือเป็นคดีแรกที่ตัวแทนของคนตายไม่ได้อยากให้เราเข้าไปช่วยเต็มที่ คือทั้งแม่และทั้งทนาย เราพยายามเรียกให้เขามาดูแผล เขาให้ตัวแทนมาก็ไปว่าตัวแทนอีก อุปสรรคที่ 2 คงจะเป็นพนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนเป็นประจำอยู่แล้วถ้าเขาไม่เชื่อเขาก็ไม่เอา

แนวโน้มจุดจบคดีนี้ ?
หมอพรทิพย์ : ตอบไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเรามีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด ถ้าถามว่าทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนแรกก็มันพูดไม่ได้ เราเชื่อได้ว่าธรรมะจัดสรร ธรรมะก็คุ้มครอง อย่าเพิ่งไปหมดใจว่าทำไรไม่ได้
เป็นคดีแรกในชีวิตที่ยาก ?
หมอพรทิพย์ : ไม่ใช่ค่ะเป็นคดีแรกที่ญาติผู้ตายไม่ได้อยู่ข้างผู้ตาย
คาดการณ์แนวโน้มคดีจะจบยังไง ?
หมอพรทิพย์ : ไม่เคยคาดค่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติ มันจะจบยังไงก็ช่างแต่สักวันหนึ่งมันก็อาจจะมีความเปลี่ยนแปลง เราทำให้ดีที่สุด
ย้อนกลับไปคดีดังที่คุณหญิงหมอปฏิเสธเงินล้าน ?
หมอพรทิพย์ : ตอนนั้นดังจากคดีเจนจิรา บุคลิกแปลก สื่ออยากจะสัมภาษณ์ พอสัมภาษณ์อยากจะให้ถ่ายโฆษณา มีครั้งหนึ่งเชิญเราเล่นหนังบ้าง โฆษณาบ้าง เราก็มานั่งคิดว่าคงไม่ได้ให้เรามาเพื่อค่าตอบแทนพวกนี้บ้าง เลยขออนุญาตเขาว่าขอไม่เอา

คุณหญิงหมอกับตำรวจเหมือนเส้นขนาน มีโอกาสมาเจอกันแล้วเดินไปด้วยกันได้ไหม ?
หมอพรทิพย์ : ย้ายมากรุงเทพฯ ก็ทำงานคู่กันมาตลอดเลยนะ ไม่มีวันที่จะทำให้เราเปลี่ยน มันต้องเป็นความจริงอย่างเดียว
เคยโดนข่มขู่บ้างไหม ?
หมอพรทิพย์ : บ่อย ๆ มีเสียงเข้ามา แต่หลัง ๆ เราเชื่อว่าความเกลียดยิ่งกว่าการข่มขู่ ด่าแบบด่านอกรอบ ด่าในรอบ ด่าแบบตรง ๆ เราก็ฝึกแล้วว่าไม่เอาใจไปรับก็ช่างหัวมัน เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำเพราะเกลียดเขา เราทำแทนคนตาย ไม่ใช่แค่คดีแตงโม เสมอมาก็เป็นอย่างนั้น
ที่ผ่านมาเวลาโดนขู่ สามีและลูกว่าอย่างไรบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : ทั้งคู่ไม่แฮปปี้ มันเหมือนจู่ ๆ แม่มาโดนด่า สามีเราตกลงกันก่อนแต่งงานแล้วว่าฉันเป็นอย่างนี้นะไม่เปลี่ยน ส่วนลูกก็ไม่ชอบ แต่พอที่จะเข้าใจ
ห่วงความปลอดภัยของตัวเองไหม ?
หมอพรทิพย์ : จะบอกว่าไม่ห่วงก็ไม่เชิง แต่ว่าเราจะระมัดระวังตัว เราไม่ได้มีอารมณ์อยากเข้าไปยุ่ง เมื่อมันมาในหน้าที่ก็ทำให้ดีที่สุดแค่นั้นเอง

มีครั้งหนึ่งเสียใจหนักมากถูกยื่นเรื่องฎีกา ?
หมอพรทิพย์ : ครั้งนั้นไม่ใช่คดี แต่เป็นการตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แล้วมีการไปดูงานที่ต่างประเทศ งบประมาณมี 2 ส่วน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ธุรการอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก เลยมีการเบิกผิด สำหรับคน 20 คน เราคงเป็นจุดที่มีผู้ไม่ชอบทำเรื่องร้องเรียน กระทรวงสอบ 3 หนแล้วมันไม่ผิด มันเป็นความบกพร่องเจ้าหน้าที่ เบิกผิดก็คืนไป แต่ว่าด้วยการเมืองตอนนั้น เขาเลยกระตุ้นให้คนนี้ไปถวายฎีกา สารพัดเรื่องเลย เลยทำให้แป๊กไป 3 ปี ความรู้สึกของเราเนี่ยมันหยุดไปสักนิดหนึ่งว่าเรารู้สึกเสียใจ กลัวในหลวงไม่รัก เราก็ถามตัวเองว่าจะเป็นยังไง ไม่รักก็ไม่รัก ก็ทำงานต่อก็เลยหาย ดรอปตอนนั้นคงเป็นดรอปครั้งใหญ่ เพราะเราไม่อยากให้ท่านฟังเรื่องผิด ๆ ก็ช่างหัวมันสุดท้าย
เวลาเจออะไรหนัก ๆ จัดการยังไง ?
หมอพรทิพย์ : ใหม่ ๆ ก็คุยแบบระบายทุกข์พบว่ามันไม่หมดมันก็กลับมาใหม่ ตอนหลังก็เลยเริ่มมาแกะ มันเกิดจากเขากับเรา เขาอะแก้ยาก เลยใช้วิธีแก้เรา ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเราจะฝึกช่างหัวมัน
ประชาชนรู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมไม่มีอยู่จริงในปัจจุบัน คุณหญิงมีจะผลักดันเรื่องนี้ยังไงบ้าง ?
หมอพรทิพย์ : ตั้งแต่ทำงานมาความยุติธรรมไม่ได้มีมาแบบอัตโนมัติ ถ้าพูดนี้ใคร ๆ ก็จะไม่ค่อยกล้าเข้ามาแก้ปัญหา เพราะว่ามาตรการ โดยตัวเองเราทำงานเรื่องนี้รู้สึกว่าสามารถสร้างความอิ่มใจโดยที่ไม่ต้องรอเงินในบัญชีขึ้นคือเราผ่าศพแล้วหาความจริงได้ แต่พอหลังจากนั้นมันมีความเปลี่ยนแปลงเราก็เบนออกไปหาการตั้งสถาบันเพื่อจะทำให้สังคมดีขึ้น ไม่ไปคาดหวังเขาว่าเขาจะช่วยเรามั้ย แต่ถ้ามีโอกาสมาเมื่อไหร่เราจะเดินต่อทันที สิ่งที่อยากจะทำคือสอนให้ทนายหรือนักกฎหมาย มีความรู้นิติวิทยาศาสตร์เยอะ ๆ เพราะบางทีตำรวจไม่รู้เรื่อง ทนายไม่ต่อสู้ให้ มันยากมากเลยที่จะนำไปสู่ตอนท้ายที่มีความยุติธรรม
คดีน้องแตงโม คุณหมอจะมีโอกาสเข้าไปเป็นพยานในชั้นอัยการไหม ?
หมอพรทิพย์ : ไม่มี ถ้าไม่อยู่ในสำนวนพยานของตำรวจ ตราบใดที่ยังไม่จบอัยการยังสั่งได้ แต่ถ้าอัยการสั่งฟ้องแล้วก็จบ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา13.15 - 14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama


