สาวบินกลับไทยในรอบ 2 ปี เจอกรมศุลกากรสุวรรณภูมิ รื้อกระเป๋าเช็กแบรนด์เนม สั่งถอดเครื่องประดับ แว่นสายตายังไม่เว้น แฟนต่างชาติก็ไม่รอด สรุปเจอเก็บภาษีกว่า 5 หมื่น
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Pang Ban
วันที่ 21 พฤษภาคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pang Ban ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่ไม่คาดคิดหลังเดินทางกลับไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี โดยเดินทางมากับแฟนชาวต่างชาติ ขณะผ่านด่านศุลกากรที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาดึงและบอกให้เธอกับแฟนเอากระเป๋าไปสแกนจากนั้นเรียกให้เข้าไปในห้องตรวจค้น
เจ้าหน้าที่ทำการตรวจว่าของแต่ละชิ้นมีมูลค่าเท่าไหร่ โดยไม่สนว่าชิ้นนั้นใช้แล้วหรือไม่ เธออธิบายว่าของทุกชิ้นใช้แล้ว และมีหลักฐานยืนยัน ยกเว้น รองเท้า 2 คู่ 1 คู่เพิ่งซื้อที่ดิวตี้ฟรีเกาหลีใต้ ซึ่งแฟนเป็นคนซื้อมาฝากน้องสาวซึ่งมีหลักฐานการคุย อีกคู่ของใหม่แต่ทำส้นแล้ว จะเอามาใช้ที่ไทย ของทุกชิ้นเราอธิบายหมดแล้ว มีหลักฐานการใช้ แม้กระทั่งเสื้อผ้า มีการซักแห้งมาแล้ว มีกลิ่นน้ำยาหมด กางเกง Gucci ของแฟนซึ่งใส่กล่องมา ก็มีหลักฐานว่าใส่แล้ว เธอบอกไปว่าไม่เชื่อก็ลองดม ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่หนึ่งคนดมจริง ๆ
สักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกว่า ของที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจะถูกยึด เธอตกใจมากจึงถามไปว่าทำอะไรผิด ใช้ของแบรด์เนมไม่ได้เลยหรือ เจ้าหน้าที่บอกว่า ใช้ได้ แต่ต้องเสียภาษี คุณไม่ทราบหรือว่า ของติดตัวเข้าประเทศได้ทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท เธอจึงบอกว่า มาในฐานะนักท่องเที่ยวและก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่ไทย มาครั้งนี้ของทุกชิ้นก็จะกลับเอากลับไปเหมือนเดิม ซ้ำแฟนของเธอเป็นชาวต่างชาติทำไมต้องเสียภาษีให้ แต่เจ้าหน้าที่ยืนกรานว่าถ้าไม่จ่ายจะยึดของ และจะขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้เข้าประเทศได้อีก เธอก็ยังไม่ยอม และได้ทำการปรึกษาทางพี่ ๆ เพราะดูแล้วเหตุการณ์แบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น
สักพักหนึ่งทางเจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่า ถ้าชิ้นไหนมีหลักฐานการใช้แล้วจะยอมปล่อยไป แต่ถ้าชิ้นไหนไม่มีหลักฐานจะถูกคิดภาษี ปรากฏว่ากระเป๋า Chanel เพิ่งเอามาใช้ กับ รองเท้าอีก 2 คู่ และเสื้อคลุม Gucci เพิ่งใช้ไปไม่มีรูปถ่ายมาก่อนจึงโดนภาษีไป เกือบ 7 หมื่นบาท และยืนยันจะเก็บภาษีกับแฟนของเธอค่ารองเท้า ซึ่งแฟนเธอไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
โดยอัตราการคิดภาษี กระเป๋า 20% (+vat 7%) รวม 27% ส่วนรองเท้าและเสื้อผ้า 30% (+vat7%) = 37% ซึ่งเธอก็ไม่ยอม จึงยืนรอจนเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มมา ลดหย่อนให้จนเหลือ 54,000 บาท
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Pang Ban
ทั้งนี้ หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีการแชร์ไปกว่า 1 พันครั้ง ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งมาคอมเมนต์ว่า เธอก็กลับไทยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ก็เจอเคสแบบคล้ายกันนี้เลย ของใช้มาเป็นปีมีใบเสร็จก็ยังโดน ตอนแรกเจอเก็บภาษีถึง 130,000 บาท แต่เธอไม่ยอม สุดท้ายเจรจาจ่ายที่ 60,000 บาท
ขณะที่ความคิดเห็นบางส่วนแนะนำว่า หากจะหลีกเลี่ยงที่จะโดนแบบนี้ก็ควรสำแดงขาออกจากประเทศต้นทางเพื่อเป็นหลักฐานเพื่อป้องกันไว้ หรือให้เอาของฝากไว้ที่ศุลกากร (Customs Bond) แล้วรับกลับตอนออกจากประเทศ แต่บางมุมก็คอมเมนต์ถึงพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ในเคสนี้ เพราะดูจากพาสปอร์ตก็น่าจะรู้ว่าเป็นแค่การแวะมาเที่ยว แต่กลับมีการถูกเก็บภาษีของเกือบทั้งตัวแถมแฟนชาวต่างชาติก็ยังโดนด้วยจึงดูไม่เหมาะสมหรือไม่