สาวโพสต์ภาพอุ้มลูกเล็ก เครียดถูกแบรนด์ยาสีฟัน ฟ้องเรียกเงิน 1.7 ล้าน ปมรีวิวฉบับคนแพ้ง่าย ชี้ใช้แล้วแสบปาก ก่อนเปลี่ยนไปปลื้มอีกยี่ห้อ งานนี้โซเชียลถกสนั่น ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด
หากพูดถึงการรีวิว หลายคนในโลกออนไลน์ต่างเต็มใจที่จะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองในการแนะนำผู้บริโภครายอื่นที่ยังไม่ตัดสินใจ แต่บางครั้งการรีวิวนั้นก็สุ่มเสี่ยงที่จะสร้างความไม่พอใจให้กับสินค้าที่ถูกพาดพิงได้เช่นกัน
วันที่ 16 มิถุนายน 2565 โลกออนไลน์แชร์โพสต์ของหญิงรายหนึ่ง ลงภาพของเธอกำลังอุ้มลูกเล็กพร้อมกับถือหมายศาลที่ถูกแบรนด์ยาสีฟันหนึ่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย โดยหญิงรายนี้โพสต์ว่า เธอและครอบครัวใช้ยาสีฟันดังกล่าวมานาน เธอได้รีวิวจริงตามที่เคยใช้ บอกว่าคนในครอบครัวชอบใช้ ฟันขาวดี แต่เธอใช้แล้วแพ้ ก็รีวิวไปตามจริง แต่กลับถูกแบรนด์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.7 ล้านบาท ยืนยันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีในการรีวิว พร้อมตั้งคำถามว่าเธอนั้นเป็นลูกค้าแต่ทำไมถูกฟ้อง ทำให้ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนมากเพราะไม่มีรายได้อะไร ลูกเพิ่งคลอด แฟนทำงานคนเดียว จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายที่ถูกฟ้องได้ จึงอยากขอความช่วยเหลือด้วยว่าควรทำอย่างไรดี
หลังจากโพสต์นี้กลายเป็นที่พูดถึง ชาวเน็ตบางส่วนได้ไปเจอโพสต์รีวิวต้นเรื่อง เป็นการโพสต์ในกลุ่มรีวิวหนึ่งเมื่อพฤศจิกายน 2564 โดยลงรูปยาสีฟัน 3 หลอด 3 ยี่ห้อ พร้อมเล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอใช้ยาสีฟัน B (ยี่ห้อที่ฟ้อง) มาตลอด เป็นสิบหลอดแล้ว ฟันขาวขึ้น ลมหายใจสดชื่นแต่อยู่ได้ไม่นานมาก ตื่นมาน้ำลายเหนียวบูด แล้วเธอเป็นคนแพ้ง่าย แสบปาก รอบปากแดง บางทีพองจนแฟนทักว่าเป็นเริมหรือเปล่า แนะนำให้ไปหาหมอ จนมาอ่านรีวิวมีแต่คนแนะนำให้ใช้ยาสีฟัน A (ยี่ห้อดังในท้องตลาด) พอใช้แล้วให้คะแนน 10/10 แม้จะไม่สดชื่นเท่ายาสีฟัน B แต่เรื่องกลิ่นปาก น้ำลายเหนียว ยี่ห้อ A เอาอยู่ ไปทำฟันมาหมอฟันชมว่าไม่มาหลายเดือนคราบหินปูนยังไม่เยอะ ไม่แสบปาก ไม่พอง รอบ ๆ ขอบปากไม่แดงแสบแล้ว เธอจึงหยุดที่ใช้ยี่ห้อ A ต่อไป เธอมารีวิวให้ฟัง ไม่ได้ขาย เป็นรีวิวจากผู้ใช้จริง
สาวโพสต์อุ้มลุกถือหมายศาล ถูกแบรนด์ยาสีฟันยี่ห้อหนึ่งฟ้อง 1.7 ล้าน ปมรีวิวพาดพิง
วันที่ 16 มิถุนายน 2565 โลกออนไลน์แชร์โพสต์ของหญิงรายหนึ่ง ลงภาพของเธอกำลังอุ้มลูกเล็กพร้อมกับถือหมายศาลที่ถูกแบรนด์ยาสีฟันหนึ่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย โดยหญิงรายนี้โพสต์ว่า เธอและครอบครัวใช้ยาสีฟันดังกล่าวมานาน เธอได้รีวิวจริงตามที่เคยใช้ บอกว่าคนในครอบครัวชอบใช้ ฟันขาวดี แต่เธอใช้แล้วแพ้ ก็รีวิวไปตามจริง แต่กลับถูกแบรนด์ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.7 ล้านบาท ยืนยันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีในการรีวิว พร้อมตั้งคำถามว่าเธอนั้นเป็นลูกค้าแต่ทำไมถูกฟ้อง ทำให้ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนมากเพราะไม่มีรายได้อะไร ลูกเพิ่งคลอด แฟนทำงานคนเดียว จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายที่ถูกฟ้องได้ จึงอยากขอความช่วยเหลือด้วยว่าควรทำอย่างไรดี
ชาวเน็ตย้อนโพสต์ต้นตอ เจ้าตัวรับความเสี่ยง มีหลักฐานว่าแพ้ ยันพร้อมขึ้นศาล
หลังจากโพสต์นี้กลายเป็นที่พูดถึง ชาวเน็ตบางส่วนได้ไปเจอโพสต์รีวิวต้นเรื่อง เป็นการโพสต์ในกลุ่มรีวิวหนึ่งเมื่อพฤศจิกายน 2564 โดยลงรูปยาสีฟัน 3 หลอด 3 ยี่ห้อ พร้อมเล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอใช้ยาสีฟัน B (ยี่ห้อที่ฟ้อง) มาตลอด เป็นสิบหลอดแล้ว ฟันขาวขึ้น ลมหายใจสดชื่นแต่อยู่ได้ไม่นานมาก ตื่นมาน้ำลายเหนียวบูด แล้วเธอเป็นคนแพ้ง่าย แสบปาก รอบปากแดง บางทีพองจนแฟนทักว่าเป็นเริมหรือเปล่า แนะนำให้ไปหาหมอ จนมาอ่านรีวิวมีแต่คนแนะนำให้ใช้ยาสีฟัน A (ยี่ห้อดังในท้องตลาด) พอใช้แล้วให้คะแนน 10/10 แม้จะไม่สดชื่นเท่ายาสีฟัน B แต่เรื่องกลิ่นปาก น้ำลายเหนียว ยี่ห้อ A เอาอยู่ ไปทำฟันมาหมอฟันชมว่าไม่มาหลายเดือนคราบหินปูนยังไม่เยอะ ไม่แสบปาก ไม่พอง รอบ ๆ ขอบปากไม่แดงแสบแล้ว เธอจึงหยุดที่ใช้ยี่ห้อ A ต่อไป เธอมารีวิวให้ฟัง ไม่ได้ขาย เป็นรีวิวจากผู้ใช้จริง
ต่อมามีบางส่วนเข้าไปตักเตือนเจ้าของโพสต์ว่าไม่ควรไปพูดชื่อและลงรูปพาดพิงยาสีฟันยี่ห้ออื่นให้เสียหาย เพราะยาสีฟันแต่ละตัว ก็เหมาะกับสภาพปากของแต่ละคนแตกต่างกันไป ขณะที่บางคนก็ตั้งคำถามว่าอาการแพ้ที่เธอบอกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า รวมทั้งยังมีตัวแทนแบรนด์ B (ยี่ห้อที่ฟ้อง) เข้ามาตอบโต้และเตือนว่าจะดำเนินคดีเจ้าของโพสต์
ในครั้งนั้นทางเจ้าของโพสต์ยืนยันว่า เธอมีสิทธิรีวิวในฐานะผู้บริโภค ไม่ได้บอกว่าอันไหนดี ไม่ดี เพราะดีคนละแบบ ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องมา จะฟ้องเรื่องอะไรเธอก็อยากรู้ เธอเสียเงินซื้อพอใจที่จะรีวิวแบบเรียล ๆ แบบนี้ จะทำไม โดยยืนยันว่าเธอแสบปากจริง และถ่ายคลิปไว้แล้ว แต่จะขอเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ส่วนตัวแทนแบรนด์ B ที่เตือนว่าให้รอรับสายทนายและหมายศาล เธอนั้นรออยู่ ยังไม่มีใครติดต่อมา
หลังจากปัจจุบันที่ถูกแบรนด์ยาสีฟันฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.7 ล้านบาท โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปกว่า 2 พันครั้ง โดยมีคอมเมนต์แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย บางคนก็สงสัยว่าหากเธอนั้นแพ้จริงทำไมจึงเล่าว่าใช้ยาสีฟัน B มาแล้ว 10 หลอด นอกจากนี้ยังไปเปรียบเทียบกัน จนทำให้อีกยี่ห้อเสียหาย มีการคอมเมนต์ท้าทายตัวแทนแบรนด์ ดังนั้นก็เสี่ยงถูกฟ้องได้จริง ๆ จากนี้ก็ให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งเธออาจจะไม่แพ้คดีก็ได้ รวมทั้งอาจจะเรียกค่าเสียหายจากอาการแพ้เพิ่มเติมได้เช่นกัน
ขณะที่บางส่วนต่างเห็นใจเจ้าของโพสต์ที่รีวิวในฐานะผู้ใช้จริงแต่กลับถูกดำเนินคดี มองว่าแบรนด์ยาสีฟันควรจะเปิดใจรับฟังคำแนะนำแล้วไปปรับปรุงมากกว่า ซึ่งการฟ้องผู้บริโภคจนเป็นดราม่าแบบนี้อาจจะสร้างความเสียหายให้กับแบรนด์มากกว่าหรือไม่
นอกจากนี้พบว่า เจ้าของแบรนด์ยาสีฟันยี่ห้อ A เข้ามาคอมเมนต์ยืนยันว่า ทางแบรนด์ไม่เคยจ้างคนให้ไปรีวิวหรือให้ไปดิสเครดิตแบรนด์อื่น ยินดีให้นำสิ่งที่ตนโพสต์ยืนยันไปใช้ในชั้นศาลได้ พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้ตนจะอยู่กับเจ้าของโพสต์จนสุดปลายทางไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะซัพพอร์ตเจ้าของโพสต์ให้เอง
ในครั้งนั้นทางเจ้าของโพสต์ยืนยันว่า เธอมีสิทธิรีวิวในฐานะผู้บริโภค ไม่ได้บอกว่าอันไหนดี ไม่ดี เพราะดีคนละแบบ ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องมา จะฟ้องเรื่องอะไรเธอก็อยากรู้ เธอเสียเงินซื้อพอใจที่จะรีวิวแบบเรียล ๆ แบบนี้ จะทำไม โดยยืนยันว่าเธอแสบปากจริง และถ่ายคลิปไว้แล้ว แต่จะขอเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ส่วนตัวแทนแบรนด์ B ที่เตือนว่าให้รอรับสายทนายและหมายศาล เธอนั้นรออยู่ ยังไม่มีใครติดต่อมา
โลกโซเชียลเสียงแตก บ้างมองน่าโดนฟ้องจริง - เห็นใจผู้บริโภคใช้จริงควรพูดได้
หลังจากปัจจุบันที่ถูกแบรนด์ยาสีฟันฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.7 ล้านบาท โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปกว่า 2 พันครั้ง โดยมีคอมเมนต์แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย บางคนก็สงสัยว่าหากเธอนั้นแพ้จริงทำไมจึงเล่าว่าใช้ยาสีฟัน B มาแล้ว 10 หลอด นอกจากนี้ยังไปเปรียบเทียบกัน จนทำให้อีกยี่ห้อเสียหาย มีการคอมเมนต์ท้าทายตัวแทนแบรนด์ ดังนั้นก็เสี่ยงถูกฟ้องได้จริง ๆ จากนี้ก็ให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งเธออาจจะไม่แพ้คดีก็ได้ รวมทั้งอาจจะเรียกค่าเสียหายจากอาการแพ้เพิ่มเติมได้เช่นกัน
ขณะที่บางส่วนต่างเห็นใจเจ้าของโพสต์ที่รีวิวในฐานะผู้ใช้จริงแต่กลับถูกดำเนินคดี มองว่าแบรนด์ยาสีฟันควรจะเปิดใจรับฟังคำแนะนำแล้วไปปรับปรุงมากกว่า ซึ่งการฟ้องผู้บริโภคจนเป็นดราม่าแบบนี้อาจจะสร้างความเสียหายให้กับแบรนด์มากกว่าหรือไม่
นอกจากนี้พบว่า เจ้าของแบรนด์ยาสีฟันยี่ห้อ A เข้ามาคอมเมนต์ยืนยันว่า ทางแบรนด์ไม่เคยจ้างคนให้ไปรีวิวหรือให้ไปดิสเครดิตแบรนด์อื่น ยินดีให้นำสิ่งที่ตนโพสต์ยืนยันไปใช้ในชั้นศาลได้ พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้ตนจะอยู่กับเจ้าของโพสต์จนสุดปลายทางไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะซัพพอร์ตเจ้าของโพสต์ให้เอง