ผู้จัดการสาขาร้านบุฟเฟ่ต์แซลมอนเปิดใจ บริษัทไรร้ระบบบริหาร พอเจ้าของหาย-ติดต่อไม่ได้ ระบบก็ล้ม ตอนนี้ให้คำตอบอะไรไม่ได้แม้แต่อนาคตของตัวเอง
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนแรงที่เหล่าคนที่ชื่นชอบในการกินบุฟเฟ่ต์กำลังจับตามองกรณีร้านบุฟเฟ่ต์แซลมอนร้านดังมีการปิดเพจร้าน
และปิดหน้าร้านหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
หลายคนที่ซื้อวอยเชอร์ไปแล้วก็ไม่สามารถไปใช้บริการที่ร้านได้จึงเกิดความกังวลใจว่าทางร้านจะชิ่งหนีหรือไม่
ต่อมาก็มีการรวมตัวกลุ่มผู้เสียหายจากการซื้อวอยเชอร์
รวมถึงนักลงทุนที่ซื้อแฟรนไชส์ร้านนี้ต่างก็รอคำชี้แจงจากผู้บริหาร
และอยู่ในระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทต่อไป
อ่านข่าว : คืบหน้า ดราม่าบุฟเฟ่ต์ดังล่องหน นักลงทุนจ่อฟ้องบริษัท - ลูกค้าจ่อจ่ายแล้วจ่ายเลย
ล่าสุด (18 มิถุนายน 2565) ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งระบุว่าตนเองคือผู้จัดการสาขาของร้านดังกล่าว ได้ขอเปิดใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ตนเองก็ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าจะเกิด
ยืนยันว่าพนักงานร้าน - เจ้าของแฟรนไชส์ ไม่รู้มาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ จู่ ๆ เจ้าของบริษัทดีดตัวเองออกจากไลน์กลุ่มทั้งหมด ติดต่อไม่ได้
ตนและคนอื่น ๆ เพิ่งทราบเรื่องในเช้าวันที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่เจ้าของบริษัทออกจากกลุ่มไลน์ทั้งหมด ไม่มีใครติดต่อเขาได้ ทางกลุ่มผู้จัดการจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อดีก่อนจะได้มติว่าปิดให้บริการ 1 วัน เพราะยังมีความหวังว่าจะติดต่อเจ้าของบริษัทได้
คำตอบที่ว่า "ระบบส่วนกลางล่ม" เป็นคำตอบที่คิดขึ้นได้ในขณะนั้นที่ทางลูกค้ากระหน่ำโทร. เข้ามาสอบถาม เพราะไม่รู้ว่าจะให้คำตอบยังไงดี ถ้าตอบว่าติดต่อผู้บริหารไม่ได้ก็กลัวจะมีผลต่อหน้าที่การงานในอนาคต
ที่ปิดทุกสาขาเป็นการตัดสินใจเฉพาะหน้าของกลุ่มผู้จัดการเพราะซัพพลายเออร์ไม่ส่งวัตถุดิบให้ แถมบริษัทยังมีหนี้เก่าค้าง
ทางผู้จัดการร้านติดสินใจปิดร้านเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เนื่องจากซัพพลายเออร์ไม่ส่งวัตถุดิบให้ เพราะบริษัทยังมีหนี้เก่าติดค้าง เมื่อไม่มีวัตถุดิบแล้วจะเปิดร้านยังไง ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าทำไมพนักงานยังเงียบอยู่ก็ขอถามกลับว่าถ้ามาเป็นพนักงานเหมือนกันบ้างจะทำอะไรได้บ้าง หรือมีวิธีที่ดีกว่านี้ไหม ใครมีความรู้เรื่องสิทธิแรงงานขอความเมตตาชี้แนะ
เผยบริษัทไม่มีทีมบริหาร ไม่มีฝ่ายบุคคล-บัญชี หรืออะไรเลย การตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่เจ้าของบริษัทแต่เพียงผู้เดียวพอเจ้าของไปก็ล้มทั้งระบบ
ผู้จัดการสาขาบอกอีกว่าทำงานมา 3 ปี บริษัทไม่มีฝ่ายบุคคล บัญชี หรือทีมบริหาร ไม่เคยประสานงานกับฝ่ายดังกล่าว ทำเองทุกอย่างหมด การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่เจ้าของบริษัท เมื่อเขาหายไปก็ล้มทั้งระบบ แนะนำลูกค้าที่ซื้อคูปองไว้แล้วกังวลว่าจะถูกฉ้อโกงให้ไปแจ้งความได้เลย ไม่ต้องโทร. เข้าสาขาเพราะพนักงานก็ไม่มีคำตอบให้แม้แต่อนาคตของตัวเอง
นอกจากนี้ผู้จัดการสาขายังฝากไปถึงเจ้าของบริษัทที่ตนเองเรียกว่า "บอส" ว่า ถ้าบอสได้มาอ่านก็อยากให้มาแก้ปัญหา เผชิญความจริง เชื่อว่าเรื่องนี้มีทางออกที่ดีกว่านี้ ตนยังไม่ลืมวิกฤตโควิด 19 รอบแรกที่ได้มาทำงานกับบริษัทนี้ บอสก็อ้าแขนรับไว้เป็นเจ้านายที่ดีมาก ๆ ตนรู้ว่าบริษัทไม่ได้มีกำไร บอสพูดเสมอว่าสู้เพื่อลูกน้อง เพื่อให้มีการจ้างงาน จนถึงวันนี้ที่นึกบอสก็ยังไม่ความโกรธเกลียด ยังรักเหมือนเดิม