หมอรีวิวทำงาน รพ. รัฐ งานหนัก-เงินไม่ครบ-เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้ กลับเป็นดราม่า ทำไมไม่ลาออก

          หมอรีวิว ทำงานในโรงพยาบาลรัฐ งานก็หนัก เงินก็ไม่ครบ ตกเบิกเกินครึ่งปี ไปไหนก็ไม่ได้ เป็นโควิดแท้ ๆ ยังต้องมารักษาคนไข้ พร้อมเฉลย เจอชีวิตแบบนี้ ทำไมยังไม่ลาออกอีก


เรียนหมอ

          ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด อาชีพแพทย์ คืออาชีพยอดฮิตตลอดกาลของคนที่มีความสามารถ ด้วยเรื่องของความมั่นคง ความก้าวหน้า รวมไปถึงรายได้ที่มากตั้งแต่เริ่มต้นทำงานไปจนถึงเกษียณ จึงทำให้หลายครอบครัว ใฝ่ฝันให้ลูกหลานเรียนเก่ง ๆ และสอบให้ติดโรงเรียนแพทย์ดัง ๆ

          ทว่าในความเป็นจริงแล้ว การเป็นหมอมีปัจจัยหลายอย่างที่นำมาซึ่งความเครียด ทั้งการเรียนที่เข้มข้น การฝึกงานที่หนักหน่วง และการทำงานที่ผิดพลาดไม่ได้ โดยเฉพาะหมอในโรงพยาบาลรัฐที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ แทบจะไม่ได้พัก ซ้ำร้ายรายได้ที่คิดว่าจะได้ดี อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด

          ล่าสุด 22 มิถุนายน 2565 สมาชิกหมายเลข 2232190 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้ออกมารีวิวชีวิตจริงของหมอที่ทำงานในโรงพยาบาลรัฐ ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายทั้งจากการทำงานเอง และจากระบบการทำงาน จนทำให้เธอถึงกับท้อและบอกว่า หากใครอยากให้ลูกเป็นหมอใน รพ.รัฐ ในยุคนี้ ให้หนีไป

หมอรีวิว ชีวิตทำงาน รพ.รัฐ เงินได้ไม่ครบ ตกเบิกครึ่งปี ป่วยก็ไปไหนไม่ได้ สู้ชีวิตเกินไปแล้ว


เรียนหมอ

          ทั้งนี้ คุณหมอบอกว่า ใครจะให้ลูกหลานมาเป็นหมอ ต้องคิดให้ดี และคิดให้หนัก โดยเฉพาะการทำงานในโรงพยาบาลรัฐ ทั้งงานหนัก เงินน้อย ทำแล้วเหมือนตกนรกทั้งเป็น

          เงินเดือนที่ได้ออกไม่ครบ เงินเดือนออกไม่ตรง และตกเบิกกัน 6-8 เดือน หรือมากกว่านั้น เงินเดือนค้างมาเกินครึ่งปี แต่คุณหมอก็มีหนี้ที่ต้องจ่าย และต้องจ่ายให้ตรงทุกงวด

          ค่าตอบแทนไม่คุ้มกับความรับผิดชอบ หลายครั้งทำงานเกินหน้าที่ฟรี ๆ เงินเดือน 20,000 บาท เป็นค่าน้ำมันเดินทางไป-กลับ โรงพยาบาล เกือบหมื่นบาท ตอนนี้แทบไม่เหลือกิน เอาตัวเองแทบไม่รอด ไม่มีเหลือให้พ่อแม่

          พักผ่อนน้อย ลางานยากมาก ไม่มีเวลาให้ชีวิต ไม่มีเวลาดูแลตัวเองและครอบครัว ถึงป่วยก็ต้องมาทำงานเพราะหาคนแทนไม่ได้ ทำงานเองจนตัวเองป่วย ติดโควิดก็ต้องไปทำงานและหยุดงานไม่ได้ หากต้องอยู่เวรคือ ต้องอยู่เฝ้าโรงพยาบาล และรับผิดชอบคนเดียว

ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีบ้านพัก ต้องรอคิวบ้านพักนานมาก ไม่รู้จริง ๆ ว่าคนที่ได้อยู่บ้านพัก ทำบุญด้วยอะไร


          นอกจากนี้ คุณหมอยังบอกว่า ตนมาทำงาน ไม่ได้มาทำงานการกุศล ไม่ได้โลกสวย และทุกคนต้องดิ้นรนเพื่ออยู่ให้รอด ใครที่บอกว่าอยู่ไม่ได้ก็ลาออกไปสิ ตนจะลาออกก็ได้แต่ช่วยจ่ายค่าตอบแทนให้ครบก่อน แล้วตนจะออกทันทีไม่มีหันหลังกลับ ก่อนหน้านี้มีพี่คนหนึ่งบอกว่า เป็นข้าราชการไส้แห้ง ให้ออกมาทำงานเอกชนดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องจริง ศักดิ์ศรีกินไม่ได้ ครอบครัวต้องใช้เงิน ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้หวังว่าจะรวย เอาแค่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ก็พอ

          "ค่าใช้จ่ายในการสร้างหมอคนหนึ่ง คือพ่อแม่ลงทุนเยอะมาก แต่ที่ได้กลับมาคือไม่คุ้มกับการลงทุนเลย ใครพลาดให้ลูกมาเรียนแล้ว ก็อย่าบังคับให้ลูกทำงานราชการ หรืออยู่ รพ.รัฐ นะคะ ชีวิตแย่มาก ๆไปทำโรคผิวหนังหรืออยู่เอกชนโน่นค่ะ แพทย์ รพ.รัฐ ยุคนี้ล้นแล้ว ต้องตำแหน่งรอบรรจุ

          มีอีกหลายอาชีพ ที่สามารถดูแลตัวเองและเลี้ยงครอบครัวได้ โดยไม่ต้องลำบากขนาดนี้ มันหมดยุคที่สังคมเทิดทูนหมอแล้วค่ะ ทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน และต้องดิ้นรนในการมีชีวิตเหมือนกัน อาชีพ หมอ รพ.รัฐ ไม่ได้สวยหรูแบบที่ใครเข้าใจ เพราะความจริง มันห่วยแตก และต้องดิ้นรน สู้ชีวิตมาก ๆ"

โลกออนไลน์ชี้ เจอแบบนี้ลาออกเถอะ - พบ 25 ปี ระบบเหมือนเดิม อีกไม่นาน หมอคงไหลไปเอกชนหมด


          ในขณะเดียวกัน โลกออนไลน์ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้กันเป็นจำนวนมาก บางคนเชียร์ให้ลาออกจาก รพ.รัฐ แล้วไปทำโรงพยาบาลเอกชนแทน เงินที่ค้างอยู่ให้ใช้วิธีทวงโดยการเขียนหนังสือทวงค่าตอบแทน ลงทะเบียนตอบรับว่าเรื่องไปถึงไหน ถ้าเรื่องไม่ไปถึงไหนก็ฟ้องศาล หรือไม่เช่นนั้นก็ให้เขียนใบลาออกแล้วให้ ผอ. เซ็นอนุมัติเลย ก่อนออกก็ให้รายละเอียด ที่อยู่ เลขบัญชีเอาไว้ เงินเข้ามาเมื่อไรหักทุกอย่างแล้ว รพ. โอนจ่ายแน่นอนแบบไม่โกง แต่ให้เก็บหลักฐานไว้ด้วยเผื่อยอดไม่ตรง แต่รับรองได้เงินครบแน่นอน

          ซึ่งคุณหมอบอกว่า ตนก็อยากจะออกไป แต่ว่ามีเงินที่โรงพยาบาลรัฐค้างจ่ายตนแสนกว่าบาท ตนกลัวว่าจะไม่ได้และหายไปเลย ถ้าได้คืนเมื่อไรไปแน่นอน แต่ก็มีคนมาแย้งว่า ทำงาน รพ.เอกชน แค่ 1-2 เดือนก็เท่ากับที่ทำโรงพยาบาลรัฐแล้ว ยอมแลกและจบตรงนี้ดีกว่ายื้อทำ รพ.รัฐ ไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีคนมาบอกอีกว่า ตอนนี้หมอก็ล้นเหมือนกัน หมอที่เรียนจบออกมาก็เป็นลูกจ้างรัฐ โรงพยาบาลเอกชนบางทีรับแค่ 1 ตำแหน่ง แต่สมัครกันเป็นสิบ  

          ในขณะเดียวกัน ก็มีความคิดเห็นหนึ่งที่บอกว่า ตนเคยเป็นอดีตแพทย์โรงพยาบาลรัฐเช่นกัน และสิ่งที่คุณหมอบ่นนั้น ไม่ต่างอะไรจากเมื่อ 25 ปีก่อน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ เมื่อ 25 ปีก่อน เงินเฟ้อและค่าครองชีพยังไม่สูงเท่านี้ ผ่านมา 25 ปี ระบบยังเหมือนเดิม เงินเดือนรัฐ ต่างกับเอกชน 5-10 เท่า, หมอตรวจคนไข้เยอะมากเพราะมีเวลาจำกัด, เงินไม่พอต้องไปทำคลินิกนอกเวลา และคนไข้ได้รับบริการทางการแพทย์ที่ด้อยกว่าที่ควรจะได้ ก็ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งหากระบบยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หมอเทพ ๆ ที่ทำงานด้วยความทุ่มเทจริง ๆ อาจจะลาออกจากระบบหมด

          หมอท่านนี้บอกว่า ในตอนนี้ไทยกำลังจะเป็นเหมือนอเมริกา คือคนหันไปซื้อประกันสุขภาพเอกชนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้หมอที่มีคุณภาพ พร้อมรักษาและดูแลเราเต็มที่ ถ้าจะเข้าโรงพยาบาลรักษา 30 บาท ก็ขอให้เจอหมอที่ไม่เครียด มีเวลาดูแลเราดี ๆ และถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร ประชาชนก็เตรียมจ่ายค่าเบี้ยประกันสูงขึ้น ฟ้องร้องกันมากขึ้น หมอก็ทำประกัน DF มากขึ้น เบี้ยประกันก็ยิ่งสูงขึ้นอีก และสิ่งที่ถ้าจะทำได้ตอนนี้คือ


          ลดระบบศักดินาตำแหน่งวิชาการ หมอที่ทำงานในโรงพยาบาล ไม่ควรมีค่าตอบแทนที่ต่างจากหมอที่มีตำแหน่งทางวิชาการ เพราะหมอทำงาน รพ. คือคนรักษาชีวิตคน ส่วนหมอที่เป็น ศ. ได้เงินจากการเขียนหนังสือ
ค่าตอบแทนควรสมเหตุสมผล ไม่ต้องรวย แต่ต้องให้หมอที่จบใหม่ไม่มาเปิดคลินิกหารายได้เพิ่มอีก เราผลิตหมอเพื่อรักษาคนไข้ ไม่ใช่มาเป็นผู้ประกอบการ ส่งเสริมให้หมอได้รับความชื่นชมจากการดูแลคนไข้ ไม่ใช่จ่ายเงินเดือนให้หมอน้อย โดนคนไข้ต่อว่า และหมอต้องไปทำงานเป็นนักพูดตามงานสัมมนาเพื่อรับเงินชั่วโมงละ 50,000

          หมอเป็นอาชีพเดียวที่ไม่ควรอยู่ภายใต้ระบบที่ปั่นหัวด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ใครจะคิดต่างผมก็ไม่ว่านะ แต่จากที่ทำงานในอเมริกามาหลายปี ผมสงสาร และเสียใจ ถ้าประเทศเราจะกลายเป็นแบบนั้น

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ

เรียนหมอ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หมอรีวิวทำงาน รพ. รัฐ งานหนัก-เงินไม่ครบ-เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้ กลับเป็นดราม่า ทำไมไม่ลาออก อัปเดตล่าสุด 30 มิถุนายน 2565 เวลา 13:15:55 14,719 อ่าน
TOP
x close