ผู้จัดการร้านชาบูชื่อดัง ลาออกแล้ว เซ่นคลิปแมลงสาบในน้ำจิ้ม
เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ พบร้านสะอาดดี
แต่มีแมลงสาบยั้วเยี้ยเป็นเพราะเหตุนี้… เทศบาลสั่งเร่งแก้ไขใน 15 วัน
ไม่ทำตามส่อโดนสั่งปิด พักใช้ใบอนุญาต 15 วัน
จี้พ่นยาฆ่าแมลงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในกลุ่ม คนรักบุฟเฟต์ จากกรณีลูกไปกินชาบูบุฟเฟ่ต์ ย่านถนนรัตนาธิเบศร์ พบว่าไม่สะอาดอย่างมากเพราะมีแมลงสาบตัวเล็ก ๆ ออกมาจากตัวหูจับหม้อ จึงแจ้งพนักงานร้านมาดู แต่พนักงานในร้านบ่ายเบี่ยง ด้วยการส่งให้เด็กนักเรียนมายกไปเก็บพร้อมกับการกล่าวขอโทษแค่นั้น
หลังจากเปลี่ยนหม้อน้ำซุปใหม่ก็เจออีก ครั้งนี้เป็นแมลงสาบในน้ำจิ้ม จึงได้ขอให้ผู้จัดการร้านมาดู แต่ผู้จัดการก็ให้เด็กนักเรียนมาดูอีกตามเคย ลูกค้าจึงตะโกนไปดัง ๆ ว่าให้ผู้จัดการร้านมานี่ ผู้จัดการร้านถึงได้เดินมาหา พร้อมพูดว่า "คุณลูกค้าจะไม่ทานก็ได้นะ" ทำให้เจ้าของโพสต์รู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ล่าสุด วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 กรุงเทพธุรกิจ รายงานว่า นายเพิ่มพงษ์ พุ่มวิเศษ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมอนามัยสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครนนทบุรี และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านบุฟเฟ่ต์ที่เกิดเหตุ มีตัวแทนร้านบุฟเฟ่ต์ที่เกิดเหตุและตัวแทนห้างดังร่วมลงพื้นที่ด้วย
ภาพจาก James Natthaset
นอกจากนี้ ถ้าตรวจสอบพบว่าทางร้านไม่ได้มาตรฐาน จะมีกฎหมายตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขของเทศบาล ให้ทำการแก้ไขปรับปรุง หากไม่มีการแก้ไขก็จะสั่งพักใช้ใบอนุญาต 15 วัน และหากยังไม่หยุดอีก จะตามด้วยการยกเลิกใบอนุญาต
ทั้งนี้ ผู้จัดการร้านคนใหม่ ชี้แจงว่า วันเกิดเหตุเป็นผู้จัดการร้านอีกคนหนึ่ง เป็นคนดูแลร้าน ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นข่าวรุนแรงและส่งผลกระทบต่อร้านมากขนาดนี้ ทำให้ผู้จัดการร้านคนดังกล่าวขอลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว และผู้จัดการใหม่คนปัจจุบันมาทำหน้าที่แทน หลังจากนี้พร้อมให้ความร่วมมือในตรวจสอบเป็นอย่างดี
ทางบริษัทเจ้าของสาขา ได้สั่งการให้ทางร้านเร่งทำความสะอาด พ่นยาฆ่าแมลงทุกสัปดาห์ พร้อมกับกำชับให้พนักงานดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ โดยเน้นย้ำไม่ให้มีเศษอาหารตกค้างอยู่ตามโต๊ะและภาชนะโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ทางร้านบุฟเฟ่ต์ได้ติดต่อไปยังลูกค้าคนดังกล่าวแล้วเพื่อขอโทษและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว
ภาพจาก James Natthaset
ภาพจาก James Natthaset
ขอบคุณข้อมูลจาก James Natthaset, กรุงเทพธุรกิจ