แม่ปวดใจ...ลูกแอบไปสักลาย หมดกันความหวังที่ตั้งไว้ 20 ปี อุตส่าห์อยากให้ลูกรับราชการ ยิ่งรู้ว่าใครให้เงินไปสักยิ่งช้ำ ตอนนี้ทั้งเสียใจทั้งแค้น
วันที่ 15 กรกฎาคม 2565
โลกออนไลน์ได้แชร์ข้อความจากคุณแม่รายหนึ่งที่ออกมาแชร์ประสบการณ์เพราะต้องการคำปลอบใจและคำแนะนำดี
ๆ เกี่ยวกับเรื่องราวของลูกที่จู่ ๆ แอบไปสักลายโดยที่เธอไม่รู้
เลี้ยงลูกมาคนเดียวด้วยความยากลำบาก ตั้งความหวังอยากให้เขารับราชการมีงานดี ๆ จะได้ไม่ถูกใครรังแก
เจ้าของเรื่องเล่าว่าตนมีลูกตั้งแต่อายุ 18 ปี และตอนที่ท้องลูกได้ 1 เดือน สามีไปมีคนอื่นจึงแยกทางกัน ที่ผ่านมาตนเลี้ยงลูกคนเดียว อยู่มาด้วยความยากลำบาก ส่งเสีย สนับสนุนลูกทุกอย่าง ตั้งความหวังอยากให้เป็นข้าราชการ อยากให้มีงานดี ๆ ทำเพื่อเชิดหน้าชูตา เพราะที่ผ่านมาตนอยู่กับลูกแค่สองคน ไม่มีใครคอยปกป้อง ทำให้ถูกดูถูก รังแกเรื่อยมา
ลูกส่งภาพรอยสักบริเวณลำตัวมาให้ดู ทำเอาแม่แทบเป็นลม หมดกันความหวังที่ตั้งไว้ 20 ปี
ตนอยู่กับลูกมา 20 ปี โดยที่พ่อของลูกไม่เคยส่งเสียเลย จู่ ๆ ลูกบอกอยากไปเยี่ยมย่าที่ป่วย ตนก็ไม่ได้ห้าม โดยลูกไปค้าง 1 คืน และไปเรียนได้ 3 วัน ลูกก็ส่งรูปรอยสักตรงลำตัวมาให้ดู
"เราตกใจมาก จะเป็นลม รู้สึกวูบ หัวใจตกไปตาตุ่ม แน่นในอกพูดไม่ออกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเลย รู้สึกหัวใจสลาย ความหวังที่หวังไว้ 20 ปี มันพังถล่มลงมา ไม่เหลือชิ้นดี มือเราถือโทรศัพท์คุยกับลูก ตัวสั่นเทา มือสั่น น้ำตาไหล แบบไม่มีเสียง ทำได้แค่ด่าลูก"
เจ็บกว่าเดิมเพราะคนที่ให้เงินลูกไปสักคือเมียใหม่ของอดีตสามี (เมียใหม่พ่อ) รู้สึกว่า ลูก อดีตสามี และเมียใหม่เขา มาทำลายความหวังเรา
ก่อนหน้านี้ลูกเคยเปรยว่าอยากสักลาย แต่ตนไม่ให้เพราะกลัวมีผลกระทบกับการทำงานในอนาคต ซึ่งคนที่ให้เงินลูกไปสักลายคือเมียใหม่ของอดีตสามีตน ยิ่งรู้แบบนี้ ยิ่งอธิบายความรู้สึกไม่ได้ ความหวังที่อยากให้ลูกรับราชการก็พังไปแล้ว และคนที่ทำลายความหวังคือลูก อดีตสามี และเมียใหม่ของอดีตสามี ทั้งเสียใจทั้งแค้น
"สมัยที่เรากับพ่อของลูกยังไม่ได้เลิกกัน เมียใหม่พ่อเขาเคยทะเลาะกับเราหนักมาก และเคยเอาเบอร์เราไปแอบอ้างว่าเป็นเบอร์ขายเครื่องสำอางผิดกฎหมาย จนตำรวจโทร. หาเรา แต่ก็ไม่มีอะไรเพราะเราไม่รู้เรื่อง และเที่ยวแจกเบอร์เราให้เพื่อน ๆ มันโทร. มาด่าเรา ซึ่งเราก็ไม่อยากทำให้เรื่องวุ่นวายเลยเลือกเงียบไป"
"กว่าเราจะเลี้ยงลูกมาจนโต เข้าจนเข้ามหาวิทยาลัยได้ เราต้องสู้และอดทนแค่ไหน เราต้องทิ้งความสุขส่วนตัว เราไม่ยอมแต่งงานใหม่ เพราะกลัวผู้ชายไม่รักลูกเรา เราจึงเลือกอยู่คนเดียวเลี้ยงลูกมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เราอายุจะ 40 แล้ว รู้สึกเรี่ยวแรงก็ถอดถอยลงไปเยอะ มาเจอเหตุการณ์สิ้นหวังแบบนี้อีก เราไม่รู้จะหายโกรธลูกยังไงดี ทุกวันนี้คิดถึงเรื่องรอยสักทีไร เราก็เสียใจ ร้องไห้ทุกทีเลย เราจะทำใจยังไงดี ไม่รู้เลย ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกแบบนี้เลยจริง ๆ (ต้องบอกก่อนว่า เรากับลูกได้คุยเรื่องอนาคตลูกไว้แล้วลูกอยากเป็นครู และจะเรียนจบมีงานทำก่อนค่อยไปสัก แต่พ่อของลูกกลับให้ลูกไปสักตอนนี้)"
ขณะที่ความคิดเห็นอื่น
ๆ มองว่าเป็นสิทธิ์ของลูกที่อาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เจ้าของเรื่องหวัง
แต่แค่เป็นคนดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว อีกอย่างข้าราชการนั้นสักลายในร่มผ้าได้
สิ่งที่แม่ทำได้คือการสนับสนุนลูกในสิ่งที่ลูกอยากเป็น
ไม่ควรคาดหวังกับลูกขนาดนั้น แต่ก็เข้าใจที่แม่หวังดีกับลูก
แต่ลูกก็มีชึวิตของตัวเอง