ศาลจีนสั่งนักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์ ส่งคืนรูปปั้นพระสงฆ์มัมมี่อายุพันปีให้กับชาวบ้าน หลังถูกขโมยไปเมื่อปี 1995 ชี้เป็นโบราณวัตถุที่เป็นสมบัติส่วนรวมของชาวบ้านที่อยู่มาหลายชั่วอายุคน
วันที่ 22 กรกฎาคม 2565 China Xinhua News รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 ศาลประชาชนชั้นสูงมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกของจีน ปฏิเสธคำอุทธรณ์ของนักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์ โดยยึดคำตัดสินเดิมคือให้ส่งคืน "รูปปั้นพระสงฆ์มัมมี่" อายุพันปีที่ถูกขโมยไปจากชาวบ้านในมณฑลฝูเจี้ยน
สำหรับรูปปั้นดังกล่าวเป็นของจางกงจู่ซือ พระสงฆ์จากสมัยราชวงศ์ซ่ง (ปี ค.ศ. 960-1279) ผู้มีชื่อเสียงจากการรักษาโรคและเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยหลังจากถึงแก่กรรมในวัย 37 ปี ร่างของเขาถูกทำเป็มมัมมี่ตามความเชื่อและความปรารถนาที่ให้บรรจุไว้ด้านในรูปปั้น ต่อมารูปปั้นนี้ถูกนำไปเก็บรักษาที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่เมืองซานหมิงของมณฑลฝูเจี้ยน และเป็นที่สักการะของคนท้องถิ่นมาเนิ่นนานกว่า 1,000 ปี ก่อนจะถูกลักลอบนำออกจากวัดในปี ค.ศ. 1995
ต่อมามีการพบว่ารูปปั้นนี้ถูกจัดแสดงอยู่ในนิทรรศการที่ฮังการี ในปี ค.ศ. 2015 แต่ชาวบ้านไม่อาจเจรจาขอรูปปั้นคืนจากนายออสการ์ วาน โอเวอร์รีม ชายสัญชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เป็นเจ้าของรูปปั้นในขณะนั้นได้สำเร็จ
กระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2015 ก็เกิดเป็นคดีความขึ้นและมีการจัดการพิจารณาคดี 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 2018 ก่อนมีคำสั่งให้นายออสการ์ วาน โอเวอร์รีม คืนรูปปั้นให้แก่โจทก์ ซึ่งคือคณะกรรมการหมู่บ้านหยางชุนและหมู่บ้านตงผู่ ภายใน 30 วัน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2020 โดยหมู่บ้านทั้งสองเป็นเจ้าของวัดที่เก็บรูปปั้นโบราณร่วมกัน อย่างไรก็ดี นักสะสมชาวเนเธอร์แลนด์คนนี้ได้ยื่นอุทธรณ์หลังการพิจารณาคดีครั้งแรกไม่นาน
ด้านศาลประชาชนชั้นสูงของฝูเจี้ยนยังคงคำตัดสินเดิมระหว่างการพิจารณาคดีครั้งที่สอง ระบุว่ารูปปั้นดังกล่าวเป็นสมบัติส่วนรวมที่สืบทอดในพื้นที่มาหลายชั่วอายุคน ทำให้การเป็นเจ้าของรูปปั้นร่วมกันของชาวบ้านหยางชุนและตงผู่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ขณะที่นายออสการ์ วาน โอเวอร์รีม อ้างว่าตนเองซื้อรูปปั้นดังกล่าวมาในปี ค.ศ. 1996 ไม่ได้มอบเอกสารการจัดซื้อเป็นหลักฐานยืนยันแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ระหว่างการอุทธรณ์ ศาลกำหนดว่ารูปปั้นดังกล่าวมีสถานะเป็นโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมที่ถูกขโมยและส่งออกอย่างผิดกฎหมาย รูปปั้นนี้มีความเชื่อมโยงอันแสนพิเศษกับชาวบ้าน และสะท้อนขนบธรรมเนียม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เมื่อพิจารณาตามกฎหมายและความมีเหตุผล รวมถึงคุณค่าทางจิตใจแล้วนั้นจึงควรถูกส่งคืน
ตามรายงานระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อปี ค.ศ. 2016 ศาลเนเธอร์แลนด์ได้ขึ้นทะเบียนคดีดังกล่าวหลังจากที่คณะกรรมการหมู่บ้านทั้งสองได้ยื่นฟ้อง ก่อนจะทำการไต่สวนในปี ค.ศ. 2017 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม แต่ศาลได้ยกฟ้องไป โดยตัดสินว่าคณะกรรมการหมู่บ้านดังกล่าวไม่ใช่นิติบุคคล ไม่มีคุณสมบัติยื่นฟ้อง
