เปิดคดีสุดหักมุม พ่อยากจนเลี้ยงดูลูกสาวป่วยเนื้องอก สังคมเห็นใจแห่บริจาคช่วยเหลือ เบื้องหลังเหมือนหนังคนละม้วน ก่อนโดนจับในฐานะฆาตกร
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()
![ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร ย้อนคดี พ่อผู้น่าสงสาร มีลูกสาวป่วยเนื้องอก จนคนแห่บริจาค สุดท้ายกลายเป็นสร้างฆาตกร]()

วันที่ 19 มิถุนายน 2565 สำนักข่าวโชซัน รายงานเรื่องราวของ อี ยอง-ทัก ชายชาวเกาหลีใต้ ซึ่งในอดีตเป็นที่รู้จักจากภาพของคุณพ่อผู้น่าสงสาร หลังเปิดเผยเรื่องราวที่เขาต้องดูแลลูกสาวที่ป่วยด้วยโรคหายากทั้งที่ตนเองมีฐานะยากจน ก่อนจะได้รับเงินบริจาคล้นหลาม แต่ผ่านไปหลายสิบปี กลับปรากฏชื่อบนหน้าสื่อในฐานะฆาตกรที่ร่วมกับลูกสาวในการฆ่าเด็กวัยเพียง 14 ปี จนสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับสังคม
ย้อนอดีต ครอบครัวสุดน่าสงสาร จนคนแห่บริจาคช่วยเหลือ
เดิมที อี ยอง-ทัก และครอบครัว กลายเป็นที่รู้จักจากหลังได้รับการคัดเลือกให้ปรากฏตัวในรายการทีวีในรายการชื่อดังเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2548 ในครั้งนั้นเขาเปิดเผยเรื่องราวอันน่าสงสารของครอบครัว หลังจากลูกสาวป่วยด้วยโรคหายาก ต้องทุกข์ทรมานจากเนื้องอกภายในปากจนใบหน้าผิดรูปอย่างรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาเขาเองก็เคยป่วยด้วยโรคนี้จนสูญเสียฟันไปเกือบทั้งปากเช่นกัน นอกจากนี้เขาและภรรยา ยังมีสถานะยากจนและไม่มีเงินเพียงพอที่จะรักษาลูกสาวได้
หลังจากนั้นเรื่องราวของครอบครัว อี ยอง-ทัก ได้เป็นที่รับรู้ต่อคนทั้งประเทศ ซึ่งเขาได้รับเชิญไปออกรายการอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อเล่าเรื่องราวที่ชวนเห็นใจครั้งนี้ ส่งผลให้ผู้คนต่างสงสาร อยากมีส่วนในการช่วยเหลือเด็กหญิงให้ได้รับการรักษาจนมีอาการที่ดีขึ้น และต่างเต็มใจที่จะบริจาคเงินให้กับครอบครัวนี้ไปเป็นจำนวนมาก

ชาวเกาหลีช็อก เปิดโฉมหน้าฆาตกรฆ่าข่มขืนเด็ก 14 สังคมเหมือนถูกเหยียบย่ำหัวใจ
ผ่านไป 12 ปี สื่อหลายสำนักรายงานข่าวการฆาตกรรมสะเทือนขวัญ หลังพบศพเด็กหญิงวัย 14 ปี ถูกฝังอยู่บนภูเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบตัวผู้ต้องสงสัย จึงเข้าจับกุมตัวมาสอบสวน ก่อนจะเปิดเผยว่าผู้ก่อเหตุนั้นคือ อี ยอง-ทัก ซึ่งหลายคนติดภาพจำว่าเขาคือคุณพ่อผู้น่าสงสาร ซ้ำเจ้าตัวยังก่อเหตุร่วมกับลูกสาวที่ป่วยโรคหายากซึ่งเคยออกทีวีไปเมื่อหลายปีก่อน ส่งผลให้สังคมต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้อย่างมาก
ย้อนกลับไปอีกครั้งช่วงที่ อี ยอง-ทัก และครอบครัวเป็นที่รู้จัก แม้ภาพที่ออกทีวีจะดูค่อนข้างน่าสงสาร แต่อีกมุมหนึ่งครอบครัวของเขาได้รับเงินอุดหนุนหลายรายการจากรัฐบาลจากความพิการของเขาและลูกสาว ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการต่าง ๆ เช่น สวัสดิการทางการแพทย์ ที่อยู่อาศัย และการศึกษา และอื่น ๆ รวมทั้งได้รับเงินช่วยเหลือกว่า 1.5 ล้านวอนต่อเดือน ไม่รวมยอดบริจาคที่เขาได้รับแต่อย่างใด
มีการเปิดเผยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าตัวได้รับเงินบริจาคอย่างน้อย 1.28 พันล้านวอน ซึ่งในเงินจำนวนดังกล่าวเข้าใช้สำหรับการรักษาลูกสาวเพียง 7 ล้านวอนเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือถูกนำไปใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อ เช่น ซื้อรถหรู ทำศัลยกรรมตาสองชั้น ศัลยกรรมอวัยวะเพศ รวมทั้งนำไปใช้สำหรับสักตามร่างกาย นอกจากนี้ส่วนก้อนหนึ่งยังถูกนำไปเปิดสถานขายบริการทางเพศ และชักชวนเด็กมาขายบริการอย่างผิดกฎหมาย
ไม่นานก่อนจะมีเหตุฆาตกรรม อี ยอง-ทัก ได้สร้างบัญชีหลายบัญชีบนโลกออนไลน์ และยังคงโพสต์ข้อความอ้างว่าเขานั้นป่วยอัลไซเมอร์และมีปัญหาด้านสมอง ตัดพ้อว่าคงเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะอยู่ดูแลลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคหายากได้ พร้อมกับเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจเข้ามาช่วยเหลือด้วยการบริจาคให้กับเขาต่อไป

พฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับภรรยา บีบบังคับให้ขายตัว จนสุดท้ายต้องจบชีวิต
อี ยอง-ทัก ยังมีพฤติกรรมทำร้ายภรรยา แอบถ่ายคลิปมีเพศสัมพันธ์ไว้แบล็กเมล นำคลิปไปขายในเว็บโป๊ บังคับให้ภรรยาค้าประเวณีในสถานบริการของตัวเอง ส่งผลให้ภรรยาของทุกข์ใจอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เธอตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเมื่อเดือนกันยายน 2017 ซึ่งหลังการเสียชีวิตยังมีข้อคาใจว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริงหรือไม่ ขณะที่เจ้าตัวก็ยังมีอาการคล้ายไม่ได้เศร้าเสียใจ โดยมีภาพที่เขานั้นถ่ายเซลฟี่กับรูปหน้าศพของภรรยาอีกด้วย

เบื้องลึกคดีฆ่าเด็ก 14 สุดสลด ลูกสาวป่วยโรคหายาก รู้เห็นกับพ่ออำมหิต
หลังการเสียชีวิตของภรรยาไม่ถึง 1 เดือน อี ยอง-ทัก ได้ก่อเหตุสะเทือนขวัญชาวเกาหลี หลังจากที่เขาพยายามหว่านล้อมหลายสัปดาห์ให้ลูกสาวเชิญเพื่อน เด็กหญิงวัย 14 ปีมาเที่ยวบ้าน ก่อนจะขอให้ลูกสาวใส่ยานอนหลับในเครื่องดื่มให้กับเพื่อนจนนอนหลับไป จากนั้นจึงขอให้ลูกสาวออกจากบ้านไปก่อนลงมือล่วงละเมิดทางเพศกับเหยื่อ จากนั้นได้บีบคอและฆ่าเด็กหญิงจนตาย จากนั้นจึงขอให้ลูกสาวช่วยกันนำศพไปทิ้งไว้บนภูเขาที่จังหวัดคังวอน ก่อนจะถูกตำรวจจับกุมได้ในอีก 4 วันให้หลัง
เกี่ยวกับคดีนี้ อี ยอง-ทัก มีความผิดหลายข้อหา โทษสูงสุดคือโทษประหารชีวิต แต่ต่อมาถูกลดหย่อนโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต ส่วนแรงจูงใจที่ก่อเหตุนั้นยังไม่แน่ชัด แต่มีหลักฐานจำนวนมากบ่งชี้ว่า อี ยอง-ทัก มีพฤติกรรมใคร่เด็ก และดูเหมือนว่าเขาพยายามบรรเทาความเครียดทางเพศหลังจากภรรยาเสียชีวิต ก่อนจะพุ่งเป้าไปที่เพื่อนลูกสาวซึ่งง่ายต่อการล่อลวงมากกว่าผู้ใหญ่
จากการประเมินรายการตรวจสภาวะทางจิตพบว่า อี ยอง-ทัก มีแนวโน้มเป็นไซโคพาท (psychopath) ค่อนข้างสูง ส่วนลูกสาวนั้นก็มีสภาพจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากสภาพครอบครัวและสังคมต่อความพิการของเธอ ส่งผลให้เธอมีความเต็มใจอย่างมากในการช่วยเหลือพ่อในการก่อเหตุ ซึ่งหลังถูกจับกุมลูกสาวของเขานั้นได้รับโทษในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ล่าสุด ช่วงพฤษภาคม 2565 อี ยอง-ทัก ได้ส่งจดหมายจากในเรือนจำถึงลูกสาว บอกเล่าเรื่องราวว่าเขานั้นกำลังเขียนหนังสือของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีประโยคหนึ่งที่เขาชักชวนลูกสาวว่า "มาแก้แค้นกันเถอะ" ซึ่งหลังข่าวดังกล่าวถูกรายงานออกไปได้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากมองว่าฆาตกรรายนี้ไม่มีความสำนึกผิดแม้แต่น้อย และยิ่งรู้สึกแย่เมื่อภาษีต้องถูกนำไปช่วยให้นักโทษรายนี้อยู่ในเรือนจำไปทั้งชีวิต ทั้งที่เจ้าตัวควรจะโดนลงโทษสูงสุดคือการประหารชีวิต เป็นต้น










