สาวปรึกษา ต้องการยุติการตั้งครรภ์ ในวันที่ไม่พร้อม คบหาผู้ชายมาแค่ไม่กี่เดือน พูดคนละภาษา ไม่ได้รักกันมากขนาดนั้น และคบกันแบบไม่มีสถานะ จะเอายังไงกับชีวิตดี

ในยุคนี้สมัยนี้ การมีลูกถือเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายคนต้องวางแผนให้ดี เพราะต้องสำรวจทั้งความพร้อมของพ่อแม่ ความพร้อมด้านการเงิน และจิตใจที่ต้องสู้ไปด้วยกันของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ทุกการกระทำไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ย่อมส่งผลไปที่ลูกหมด
และล่าสุด ในเฟซบุ๊ก กระทู้พันทิป ได้มีสาวคนหนึ่งออกมาขอคำปรึกษา เมื่อเธอคบหากับชาวต่างชาติแค่ 4 เดือน แต่กลับท้องขึ้นมา ตอนนี้สถานะก็ยังไม่มี คุยกันก็ยังไม่รู้เรื่อง และไม่รู้จะไปอย่างไรต่อจากนี้
สาวไทยต้องการยุติการตั้งครรภ์ คบหนุ่มต่างชาติไม่นาน ไม่มีสถานะ แต่ดันมาท้องก่อน
ทั้งนี้ สาวคนนี้ได้เผยว่า เธอมีความต้องการยุติการตั้งครรภ์ หลังจากที่ตั้งครรภ์มาแล้ว 5 สัปดาห์ โดยมีเหตุผลคือ
- สถานะของเธอและฝ่ายชายไม่ชัดเจน ทั้งคู่คบหากันแค่ 4 เดือน ระหว่างที่คบก็ดูแลดี มีไปเที่ยวบ้าง และมีไปต่างจังหวัด แต่ไม่เคยบอกว่าอยู่ในสถานะไหน
- ทั้งสองคนคุยกันคนละภาษา เธอพูดภาษาเขาได้นิดเดียว บางครั้งต้องใช้เครื่องแปลภาษา
- เธอเป็นคนขอเขาแยกห้องนอน ทุกวันนี้นอนกันคนละห้อง เพราะเคยนอนห้องเดียวกันแล้ว เธออ่านภาษาของเขาไม่ออกเวลาที่เขาคุยแชตต่าง ๆ
- เธอไม่ต้องการให้ลูกเกิดมา ในสถานการณ์ที่พ่อและแม่ไม่ได้รักกันมากขนาดนั้น เธอรู้สึกว่าพลาดและต้องการเริ่มต้นใหม่
ทั้งนี้ เธอได้เผยว่า ตอนนี้เธออายุ 34 ปี ไม่เคยปล่อยตัวไปอยู่กับใครที่ยังไม่มีสถานะการคบกัน เมื่อถามเขาว่าอยากมีลูกไหม เขาก็บอกว่าอยาก และถ้าได้เด็กที่แข็งแรงจะดีมาก แต่ใจของเธอสับสน และไม่รู้จะบอกพ่อแม่อย่างไร แม้ใจของเธอจะรักเขา แต่ก็รู้สึกว่ามาไม่ถูกทาง และเดินมาในทางที่ไม่ถูกต้อง

ฝ่ายหนึ่งบอก คิดให้ดีก่อนยุติการตั้งครรภ์ ปัญหาคือภาษาก็ไปเรียน เด็กไม่ได้ผิดอะไร
ทั้งนี้ ฝั่งหนึ่งบอกว่า เรื่องนี้เธออาจต้องใช้เวลาในการคิดทบทวนให้มากกว่านี้ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวแค่เธอ แต่เกี่ยวพันไปยังบุคคลอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจเอาลูกไว้หรือไม่เอาไว้ มันก็เป็นการตัดสินใจที่หวนกลับมาแก้ไขไม่ได้อีก แนะนำให้ปรึกษาหมอ ปรึกษาพ่อแม่ และปรึกษาฝ่ายชาย เด็กก็ไม่ได้ผิดอะไร ความสมบูรณ์แบบของครอบครัวไม่ใช่ตัวตัดสินถึงความเป็นความตายของเด็ก แม้ผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่รักแท้ของเธอ แต่ลูกที่เกิดมาย่อมเป็นรักแท้แน่นอน เธอบอกว่าต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ บางทีเด็กที่เกิดมา อาจจะเป็นชีวิตใหม่ให้เธอก็ได้ อีกอย่างคือ ปัญหาของเธอคือภาษา ซึ่งสามารถใช้เวลาเรียนรู้ไปได้ ถ้าเธอเข้าใจภาษามากกว่านี้ เธอและฝ่ายชายอาจจะเข้าใจกันมากขึ้นก็เป็นได้
อีกฝ่ายชี้ จะดีกว่าถ้าตั้งครรภ์ในวันที่พ่อแม่พร้อม เธอไม่มีหลักประกันในชีวิต โดนฟ้องเอาลูกขึ้นมาจะพังทั้งหมด
ในขณะที่อีกฝั่งก็มองว่า เรื่องการยุติการตั้งครรภ์ ต้องตัดเรื่องบาปบุญออกไปก่อน แล้วให้โฟกัสว่าถ้าเด็กเกิดมาในสภาพที่พ่อและแม่ไม่พร้อมจะเป็นอย่างไร การยุติการตั้งครรภ์ทำได้ และหากปล่อยไว้นานยิ่งเป็นอันตราย หากเธอและฝ่ายชายไม่ต้องการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ การเลิกกันอาจจะเป็นทางออกที่ดี เพราะการให้ลูกเกิดมาในสภาพที่พ่อแม่ไม่พร้อม อาจจะบาปกว่าทำแท้งเสียอีก และถ้าวันหนึ่งพร้อมแล้ว เธอค่อยเริ่มต้นชีวิตใหม่ก็ได้
นอกจากนี้ ยังมีคนบอกว่า ในเมื่อฝ่ายชายเป็นชาวต่างชาติ และไม่มีพันธะผูกพันใด ๆ ถ้าวันหนึ่งฝ่ายชายคิดจะทิ้งเธอไปและบินกลับประเทศ และไม่ติดต่อมาอีกเลย เธอก็หมดปัญญาตาม หรือถ้าวันหนึ่งฝ่ายชายอยากได้แค่ลูก ไม่อยากได้เธอเอาไว้ในชีวิต ก็มีสิทธิ์ที่เขาจะฟ้องร้องและชนะคดีเพราะมีความมั่นคงด้านรายได้ และอ้างว่าให้ชีวิตที่ดีกว่ากับลูกได้ หากเธอคิดจะเก็บเด็กเอาไว้ เรื่องสถานะของเธอและฝ่ายชายต้องตกลงกันให้ได้ก่อนว่าจะเป็นเพื่อนหรืออะไร หากเป็นเพื่อนกันและเก็บลูกไว้ต้องคุยให้ดีว่าจะช่วยกันเลี้ยงลูกอย่างไร และไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง
บทสรุปสุดท้าย ทำเอาน้ำตาไหล ชีวิตมันไม่ง่ายแต่ต้องยืนหยัดสู้
สุดท้าย เธอได้ออกมาบอกว่า หลังจากที่ได้ฟังคำแนะนำของทุกคน เธอเลยเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาฝ่ายชาย และได้คำตอบว่า เขาเองก็มองว่าลูกคือโชคดี และคิดถึงอนาคตของเด็ก พร้อมกับที่เขากำลังหัดเรียนภาษาไทย เธอก็พูดอะไรไม่ออกแต่ต้องการถามเพื่อความแน่ใจ เพราะทุกอย่างที่ทำเหมือนคนรักกัน แต่ไม่มีสถานะเลย









