ย้อนดูคดีแปลก หนุ่มพังเขื่อนจงใจทำเมียติดน้ำท่วม กลับบ้านไม่ได้ หวังไปปาร์ตี้และมีเซ็กส์สาวสุดเหวี่ยง สุดท้ายไม่รอด เพราะทำใจกล้าสัมภาษณ์สื่อ
ภาพจาก Jon Rehg / Shutterstock.com
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
นับเป็นหนึ่งในคดีแปลกจากสหรัฐฯ สำหรับเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ถูกตัดสินโทษในคดีอาชญากรรม ฐานก่อให้เกิดภัยพิบัติ หลังจากที่เขาเป็นสาเหตุให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ ซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นเหตุการณ์มหาอุทกภัยปี 1993 ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้อยู่อาศัยตามแนวแม่น้ำมิสซิสซิปปี กินพื้นที่กว่า 14,000 เอเคอร์ เกิดความเสียหายมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ
และสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมของเขา เป็นเพราะชายคนนี้ต้องการปิดทางไม่ให้ภรรยากลับจากการทำงานในต่างเมือง เพื่อที่ตัวเองจะได้ออกไปลั้นลากับปาร์ตี้ และมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่นได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะถูกเธอมาคอยตาม
จากรายงานของนิวยอร์กไทม์ส พบว่า ชายคนดังกล่าวชื่อ เจมส์ อาร์. สก็อตต์ ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองควินซี รัฐอิลลินอยส์ ที่ผ่านมาสก็อตต์เคยมีประวัติก่อเหตุลอบวางเพลิงตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น และเมื่อโตขึ้นก็ยังก่อเหตุลักทรัพย์อยู่บ่อยครั้ง ต่อมาเขาได้แต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแอบมีความคิดที่อยากจะไปแซ่บกับสาวคนอื่นอยู่ในใจ
จนกระทั่งปี 1993 (พ.ศ. 2536) ที่ผู้คนต่างพยายามช่วยกันเสริมแนวกั้นเขื่อน เวสต์ ควินซี ให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้มวลน้ำที่เพิ่มขึ้นมหาศาลในแม่น้ำแม่น้ำมิสซิสซิปปีไหลเข้าท่วมเมือง สก็อตต์กลับปิ๊งไอเดียบางอย่าง ว่าหากทำให้เส้นทางเดียวซึ่งเชื่อมต่อระหว่างรัฐอิลลินอยส์กับรัฐมิสซูรี ถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถสัญจรได้ ภรรยาที่เดินทางไปทำงานยังเมืองข้างเคียงในรัฐมิสซูรี ก็จะต้องติดแหง็กอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถกลับบ้านได้ และเขาก็จะสามารถออกไปปาร์ตี้ รวมถึงมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างเต็มที่
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา
ไม่ใช่แค่คิด แต่สก็อตต์ยังลงมือทำจริง ๆ ก่อนที่จะนำแผนการดังกล่าวไปเที่ยวคุยอวดให้เพื่อน ๆ ฟังอย่างสนุกปาก ว่าถ้าภรรยาข้ามแม่น้ำกลับมาบ้านไม่ได้ เขาก็จะได้นอกใจเธอมาสุดเหวี่ยงในปาร์ตี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากเขื่อนพังจนเกิดน้ำท่วม สก็อตต์ที่กลับไปยังจุดเกิดเหตุก็ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวทางโทรทัศน์ เล่าเรื่องความกล้าหาญของตนเองที่พยายามจะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งของเขื่อน แต่รายงานข่าวดังกล่าวกลับดึงดูดความสนใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ซึ่งคุ้นเคยดีกับวีรกรรมต่าง ๆ ในอดีตของสก็อตต์ ทำให้เขากลายมาเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก นำมาสู่การสอบสวนและจับกุมตัว
ในการพิจารณาคดีของสก็อตต์ ศาลตัดสินให้เขามีความผิดจริงข้อหาก่อภัยพิบัติ ซึ่งนับเป็นความผิดอาญาที่มีอัตราโทษสูง โดยระหว่างการพิจารณาคดี อัยการยังได้เปิดเทปหลักฐานตอนที่สก็อตต์ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เขาแอบเคลื่อนย้ายกระสอบทราย 4-5 กระสอบ ออกจากแนวกั้นเขื่อนจริง นอกจากนี้อัยการยังตอกย้ำความจริงเรื่องที่สก็อตต์ เที่ยวไปคุยอวดเพื่อน ๆ ว่าตัวเองเป็นผู้ลงมือทำให้ภรรยากลับมาบ้านไม่ได้ เพื่อตัวเองจะได้นอกใจเธอ
เขื่อนที่พังเพราะฝีมือของสก็อตต์ ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลจากแม่น้ำไหลท่วมพื้นที่เกษตรกรรม อาคารบ้านเรือน ตลอดจนกิจการร้านค้าต่าง ๆ ในเมืองเวสต์ควินซี รัฐมิสซูรี รวมถึงต้องปิดการสัญจรบนสะพานเพียงแห่งเดียวที่เชื่อมทั้ง 2 รัฐ เป็นเวลา 71 วัน
ทั้งนี้ แม้ว่าสก็อตต์จะพยายามยืนกรานว่าเขาไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดทั้งนั้น แต่ท้ายที่สุดเขาก็ถูกศาลตัดสินให้ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม ในปี 2561 หลังจากที่สก็อตต์รับโทษจำคุกมานานถึง 1 ใน 4 ของศตวรรษ เขายังคงยืนกรานกับนักข่าวที่เข้าไปทำการสัมภาษณ์ ว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้ และต้องมารับโทษเพียงเพราะหลักฐานแวดล้อม โดยไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก nytimes.com, abc17news.com