เปิดคดีช็อก สาว 15 แทงคู่แม่ลูกอาการสาหัส แม้ไม่เคยรู้จัก พบเดินตระเวนหาเหยื่อหวังได้ซ้อมฆ่าใครสักคน ก่อนฆ่าแม่ตัวเอง ชี้มีแผนฆ่าน้องต่ออีก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
วันที่ 22 สิงหาคม 2565 เว็บไซต์เจแปนไทม์ส มีรายงานเหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น หลังแม่กับลูกสาวคู่หนึ่งถูกคนร้ายใช้อาวุธแทงเข้าจากด้านหลังจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในเขตชิบุยะ กรุงโตเกียว โดยพบผู้ก่อเหตุเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย อายุเพียง 15 ปี ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือความขัดแย้งใด ๆ กับเหยื่อ แต่เป็นการสุ่มโจมตีเพื่อเตรียมก่อเหตุฆาตกรรมหลังจากนี้
ต่อมาทางตำรวจได้เผยความจริงสุดช็อกจากการสอบปากคำ โดยหลังจากที่เด็กสาวถูกจับกุมในที่เกิดเหตุฐานเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีพยายามฆ่า เธอยอมรับสารภาพว่าก่อเหตุแทงคนไป 2 คนที่เจอกันโดยบังเอิญ เพราะต้องการฝึกซ้อมไว้ก่อนไปฆ่าแม่ของตัวเอง และเธอก็อยากได้รับโทษประหารชีวิตด้วย
ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับข้อมูล
ภาพจาก marchello74 / Shutterstock.com
รายงานเผยว่า ขณะจับกุมทางตำรวจยังพบมีดเล่มเล็ก ๆ 3 เล่มที่ผู้ก่อเหตุครอบครองอยู่ ส่วนคู่แม่ลูกซึ่งตกเป็นเหยื่อนั้น ได้รับบาดเจ็บสาหัส คาดว่าต้องใช้เวลารักษาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน และเมื่อวันจันทร์ (22 สิงหาคม) ทางตำรวจก็ได้ส่งเรื่องให้อัยการแล้ว
อนึ่ง เด็กสาวผู้ก่อเหตุ อาศัยอยู่ในเมืองโทดะ จังหวัดไซตามะ ในวันเกิดเหตุเธอออกจากบ้านมาพร้อมกับเงินสด 500 เยน (ราว 130 บาท) โดยบอกกับแม่ว่าจะไปโรงเรียนกวดวิชา จากนั้นเธอขึ้นรถไฟจากสถานีมูซาชิ อูราวะ ในจังหวัดไซตามะ มาลงที่สถานีชินจูกุ ที่กรุงโตเกียว
แหล่งข่าวที่เกิดข้องกับการสืบสวนเผยว่า เด็กสาวพยายามมองหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อฆ่าใครสักคนในเขตชินจูกุ แต่ก็ลงเอยด้วยการเดินมาจนถึงเขตชิบูย่าที่อยู่ห่างออกไป 3.5 กิโลเมตร ก่อนจะบังเอิญเจอคู่แม่ลูกบนถนนเงียบ ๆ จึงลงมือแทงพวกเธอ
ผู้ก่อเหตุปฏิเสธว่าการลงมือครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาใด ๆ ที่โรงเรียน แต่เธออยากจะซ้อมไว้ก่อนเพื่อดูว่าตัวเองสามารถฆ่าคนได้หรือไม่ เพราะเธอมีแผนที่จะฆ่าแม่ของตัวเอง
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเธอคิดว่าแม่มีความอ่อนไหวมาก ในช่วงที่อารมณ์ไม่ดี และเธอก็อยากฆ่าแม่เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นแบบเดียวกับแม่ของตัวเอง เธอยังมีแผนฆ่าน้องชายตามไปอีกคนด้วย เพราะคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่น้องชายจะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีแม่
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เจแปนไทม์ส