ครูมิกกี้ แนะผู้ปกครอง ถ้ามีเงินอย่าส่งลูกเรียนโรงเรียนรัฐบาล เปิดเอกสารงี่เง่าที่เหล่าครูต้องกรอก ไม่ใช่ไม่อยากสอน แต่มัวกรอกเอกสารจนงานยุ่ง เพราะแบบนี้การศึกษาไทยถึงต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
กำลังเป็นประเด็นในโลกออนไลน์เลยทีเดียว เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 น.ส.จิตปภา สุพันธะ หรือครูมิกกี้ อินฟลูเอนเซอร์ด้านการศึกษาชื่อดัง แอดมินเพจ Eduzone ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก TeacherMickey Suphanta ซึ่งข้อความในภาพระบุว่า "ผู้ปกครองท่านไหนคิดอยากจะส่งลูกไปโรงเรียนรัฐทั่วไป ถ้ามีเงินมากพอ มีกำลัง ส่งไปเรียนเอกชน สาธิต หรือโปรแกรมดี ๆ ไปต่างประเทศ ให้รีบลาออกหรือผู้ปกครองทำบ้านเรียนเองเลย"
ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้น ครูมิกกี้ ได้เขียนบรรยายในแคปชั่นเพิ่มเติมว่า #เชิญชมเอกสารงี่เง่าอีก 1 ชุด ค่ะ SDQ (SDQ คือ แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก ของสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข) และระบุว่าอย่าส่งลูกไปโรงเรียนรัฐเพราะครูไม่มีเวลาสอน ไม่ใช่ว่าครูไม่ดี หรือไม่อยากสอน แต่เพราะครูยุ่งอยูกับการกรอกเอกสาร
หากถามว่าการมีข้อมูลมันดีไหม ก็ถือว่าดีมาก ๆ ถ้ากรอกแล้วเอาไปเพื่อใช้พัฒนาผู้เรียนจริง ไม่ใช่กรอกส่งแล้วทิ้งไว้ให้ปลวกกิน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแค่กรอกส่งเฉย ๆ ตามหน้าที่ ซึ่งนี่เป็นเอกสารเพียง 0.1% ที่ครูต้องทำส่งอย่างปฏิเสธไม่ได้จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมสอน "แล้วคุณภาพผู้เรียนก็ออกมาเละเทะ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไง"
"จริง ๆ ถ้าอยากได้ข้อมูลพวกนี้ แค่ปล่อยครูไปอยู่กับนักเรียนเยอะ ๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าจุดแข็ง จุดอ่อน ของนักเรียนแต่ละคนเป็นยังไง ก็เห็นหน้า เห็นพฤติกรรมกันอยู่ทุกวัน
แล้วคือถ้าถ่ายเอกสารออกมาเป็นแผ่น ๆ แบบนี้ หมายความว่า ผปค./ครู แต่ละคนต้อง ใช้มือติ๊ก ทีละข้อ ทีละข้อ ของนักเรียนแต่ละคน เสร็จแล้วครูต้องไปไล่ตามเก็บไปเข้าเล่มรายงาน หลังจากนั้นไปอีก 2-3 ปี หรือรอจนกระดาษเหลืองแล้ว เราก็เตรียมชั่งกิโลขายกระดาษค่ะ
เบื่อจริง ๆ พวกนักสำรวจ สำรวจอย่างเดียว รอรายงานอย่างเดียว ไม่รู้เลยหรือไงว่าเอกสารพวกนี้ คือสิ่งที่แย่งเวลาครูไป แย่งเวลาเรียนของนักเรียนไป คุณภาพการศึกษาบ้านเรา ถึงตกต่ำ ต่ำแบบ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดกันขนาดนี้
คิดว่าครูเขาว่างมากนักหรือไง เอกสาร 80 อย่าง จะแบ่งเวลาตรงไหนมาสอน ต่อให้สอน ก็ไม่เต็มที่ เพราะเวลามีไม่พอที่จะเตรียมตัว หรือทำสื่อ หรือมีเวลามาใส่ใจลูกของคุณ เพราะฉะนั้นเวลามีผลโพลสำรวจ จัดอันดับการศึกษาอะไร ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม ประเทศไทยถึงรั้งท้ายมาตลอด แบบเสมอต้น เสมอปลาย แย่แบบคงเส้นคงวามาก นี่ไงปัญหา ใครหนีได้ หนีไปเลยค่ะ มันพังพินาศแล้ว
โรงเรียนไม่ใช่ที่บ่มเพาะศักยภาพของเด็กแล้ว มันเป็นแหล่งผลิตเอกสารขยะรอวันทิ้ง มันเป็นแหล่งบั่นทอนกำลังใจคนเป็นครู มันเป็นเหมือนค่ายเชลยศึกที่เด็กต้องจำใจมาเรียน ส่วนครูก็สุขภาพจิตแย่ สุขภาพกายก็แย่ เพราะถ้าใครตั้งใจทุ่มเทสอนมาก ๆ เขาก็ต้องหอบเอกสารต่าง ๆนานา กลับไปทำในเวลาอื่นอยู่ดี ทั้ง ๆ ที่ทุกคนมีเวลา 24 ชม. เท่ากัน ครูบางคนทำงาน 16 ชม. หรือมากกว่านั้นต่อวัน จะให้เขาเอาแรงเอากำลังใจไหนมาสอนลูกคุณอย่างเต็มที่ได้
แต่บางคนก็ยอมทำแบบนั้น คือไม่ยอมทำเอกสารในเวลาที่ตัวเองต้องสอน แล้วเอาเอกสารไปทำนอกเวลา ทำไปเพราะอยากสอน แต่หาเวลาสอนแทบไม่มี นี่ไง ถึงได้น่าสงสาร ทั้งครู ทั้งเด็ก...."
ขณะที่คอมเมนต์อื่น ๆ ก็เข้ามาระบุเห็นด้วยกับครูมิกกี้และมองว่าเอกสารที่ให้ครูผู้ปกครอง นักเรียนกรอกนั้นทำเป็นรูปเล่มอย่างหนา สงสัยว่าเขาเอาไปพัฒนาอะไร ทำไมไม่เห็นมีผลสะท้อนกลับบ้าง
![โพสต์]( "โพสต์")
![คอมเมนต์]( "คอมเมนต์")
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก TeacherMickey Suphanta
กำลังเป็นประเด็นในโลกออนไลน์เลยทีเดียว เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 น.ส.จิตปภา สุพันธะ หรือครูมิกกี้ อินฟลูเอนเซอร์ด้านการศึกษาชื่อดัง แอดมินเพจ Eduzone ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก TeacherMickey Suphanta ซึ่งข้อความในภาพระบุว่า "ผู้ปกครองท่านไหนคิดอยากจะส่งลูกไปโรงเรียนรัฐทั่วไป ถ้ามีเงินมากพอ มีกำลัง ส่งไปเรียนเอกชน สาธิต หรือโปรแกรมดี ๆ ไปต่างประเทศ ให้รีบลาออกหรือผู้ปกครองทำบ้านเรียนเองเลย"
ซึ่งข้อความดังกล่าวนั้น ครูมิกกี้ ได้เขียนบรรยายในแคปชั่นเพิ่มเติมว่า #เชิญชมเอกสารงี่เง่าอีก 1 ชุด ค่ะ SDQ (SDQ คือ แบบประเมินพฤติกรรมเด็ก ของสำนักพัฒนาสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข) และระบุว่าอย่าส่งลูกไปโรงเรียนรัฐเพราะครูไม่มีเวลาสอน ไม่ใช่ว่าครูไม่ดี หรือไม่อยากสอน แต่เพราะครูยุ่งอยูกับการกรอกเอกสาร
หากถามว่าการมีข้อมูลมันดีไหม ก็ถือว่าดีมาก ๆ ถ้ากรอกแล้วเอาไปเพื่อใช้พัฒนาผู้เรียนจริง ไม่ใช่กรอกส่งแล้วทิ้งไว้ให้ปลวกกิน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแค่กรอกส่งเฉย ๆ ตามหน้าที่ ซึ่งนี่เป็นเอกสารเพียง 0.1% ที่ครูต้องทำส่งอย่างปฏิเสธไม่ได้จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเตรียมสอน "แล้วคุณภาพผู้เรียนก็ออกมาเละเทะ อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไง"
"จริง ๆ ถ้าอยากได้ข้อมูลพวกนี้ แค่ปล่อยครูไปอยู่กับนักเรียนเยอะ ๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ ว่าจุดแข็ง จุดอ่อน ของนักเรียนแต่ละคนเป็นยังไง ก็เห็นหน้า เห็นพฤติกรรมกันอยู่ทุกวัน
แล้วคือถ้าถ่ายเอกสารออกมาเป็นแผ่น ๆ แบบนี้ หมายความว่า ผปค./ครู แต่ละคนต้อง ใช้มือติ๊ก ทีละข้อ ทีละข้อ ของนักเรียนแต่ละคน เสร็จแล้วครูต้องไปไล่ตามเก็บไปเข้าเล่มรายงาน หลังจากนั้นไปอีก 2-3 ปี หรือรอจนกระดาษเหลืองแล้ว เราก็เตรียมชั่งกิโลขายกระดาษค่ะ
เบื่อจริง ๆ พวกนักสำรวจ สำรวจอย่างเดียว รอรายงานอย่างเดียว ไม่รู้เลยหรือไงว่าเอกสารพวกนี้ คือสิ่งที่แย่งเวลาครูไป แย่งเวลาเรียนของนักเรียนไป คุณภาพการศึกษาบ้านเรา ถึงตกต่ำ ต่ำแบบ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดกันขนาดนี้
คิดว่าครูเขาว่างมากนักหรือไง เอกสาร 80 อย่าง จะแบ่งเวลาตรงไหนมาสอน ต่อให้สอน ก็ไม่เต็มที่ เพราะเวลามีไม่พอที่จะเตรียมตัว หรือทำสื่อ หรือมีเวลามาใส่ใจลูกของคุณ เพราะฉะนั้นเวลามีผลโพลสำรวจ จัดอันดับการศึกษาอะไร ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม ประเทศไทยถึงรั้งท้ายมาตลอด แบบเสมอต้น เสมอปลาย แย่แบบคงเส้นคงวามาก นี่ไงปัญหา ใครหนีได้ หนีไปเลยค่ะ มันพังพินาศแล้ว
โรงเรียนไม่ใช่ที่บ่มเพาะศักยภาพของเด็กแล้ว มันเป็นแหล่งผลิตเอกสารขยะรอวันทิ้ง มันเป็นแหล่งบั่นทอนกำลังใจคนเป็นครู มันเป็นเหมือนค่ายเชลยศึกที่เด็กต้องจำใจมาเรียน ส่วนครูก็สุขภาพจิตแย่ สุขภาพกายก็แย่ เพราะถ้าใครตั้งใจทุ่มเทสอนมาก ๆ เขาก็ต้องหอบเอกสารต่าง ๆนานา กลับไปทำในเวลาอื่นอยู่ดี ทั้ง ๆ ที่ทุกคนมีเวลา 24 ชม. เท่ากัน ครูบางคนทำงาน 16 ชม. หรือมากกว่านั้นต่อวัน จะให้เขาเอาแรงเอากำลังใจไหนมาสอนลูกคุณอย่างเต็มที่ได้
แต่บางคนก็ยอมทำแบบนั้น คือไม่ยอมทำเอกสารในเวลาที่ตัวเองต้องสอน แล้วเอาเอกสารไปทำนอกเวลา ทำไปเพราะอยากสอน แต่หาเวลาสอนแทบไม่มี นี่ไง ถึงได้น่าสงสาร ทั้งครู ทั้งเด็ก...."
ขณะที่คอมเมนต์อื่น ๆ ก็เข้ามาระบุเห็นด้วยกับครูมิกกี้และมองว่าเอกสารที่ให้ครูผู้ปกครอง นักเรียนกรอกนั้นทำเป็นรูปเล่มอย่างหนา สงสัยว่าเขาเอาไปพัฒนาอะไร ทำไมไม่เห็นมีผลสะท้อนกลับบ้าง
