หมอเหรียญทอง ฟ้อง สปสช. ชี้ มีการบอกเลิกสัญญาโดยพลการ ทั้งที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาผู้ป่วยแออัดจนต้องส่งคืน และมีการนำผู้ป่วยอายุ 100 ปี มาเป็นผู้ฟ้องด้วย
อย่างไรก็ตาม ตนจะมีการเตรียมแบบคำร้องสอดสำหรับผู้ป่วยบัตรทองรายอื่น ๆ ที่ต้องการร้องสอดให้ศาล มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ผู้ป่วยที่ร้องสอดยังรักษาต่อเนื่องที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ ตามปกติต่อไป
ขอยื่นถอด เลขาฯ สปสช. เลิกสัญญาโดยพลการ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา
ต่อมา วันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา นพ.เหรียญทอง โพสต์ว่า ตนจะทำเรื่องถอดถอนเลขาธิการ สปสช. ตามมาตรา 33(6) แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 เนื่องจาก เลขาธิการ สปสช. ได้กระทำการบกพร่องต่อหน้าที่ สร้างความเดือดร้อนต่อหน่วยบริการ (รพ.มงกุฎวัฒนะ) และผู้ป่วยบัตรทองจำนวนมากนับแสนรายอีกทั้งเลขาธิการ สปสช. ได้ใช้ดุลพินิจของตนเองโดยเห็นว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้อย่างมีมาตรฐานแล้วบอกเลิกสัญญาด้วยตนเองโดยพลการ ไม่ดำเนินการตามขั้นตอนตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ที่ต้องกระทำโดยมติของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานต่างหาก
ย้อนโพสต์หมอเหรียญทอง ขอลดคนไข้บัตรทอง ส่งคืน สปสช. แก้ความแออัด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา นพ.เหรียญทอง โพสต์ว่า เนื่องจากโรงพยาบาลมีผู้ใช้บริการจำนวนมากจนเกิดความแออัด แม้จะมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ แต่อาคารนี้เปิดใช้ได้ในปลายปี 2566 ดังนั้นจึงขอลดความแออัดดังนี้
1. ส่งคืนผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทั้งหมด แก่ สปสช. จำนวน 7 หมื่นคน
2. ลดจำนวนรับการส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากหน่วยต่าง ๆ ของ สปสช. ลงกึ่งหนึ่ง จาก 3 แสนคนเหลือ 1.5 แสนคน
3. โรงพยาบาลจะลดจำนวนผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมลงกึ่งหนึ่งจาก 120,000 คน คงเหลือ 60,000 คน ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ปัญหาความแออัดและเป็นภาระแก่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
นอกจากนี้ ขอเรียนให้ทราบว่า จำนวนเตียงของ รพ.รัฐและ รพ.เอกชน ที่เป็นคู่สัญญาของ สปสช. ในกรุงเทพฯ มีน้อย ไม่เพียงพอกับผู้ป่วยบัตรทอง และจะเกิดปัญหาคนไข้แออัดอย่างรุนแรง