ดร.ธรณ์ อธิบายเหตุเมฆปกคลุมท้องฟ้า เปลี่ยนยามเช้าให้ดำทะมึน ผลจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ชี้ เป็นสัญญาณการเริ่มต้นของ extreme weather ที่จะไม่หายไปไหน แต่จะแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ภาพจาก FM91 Trafficpro/เครดิต lekbb
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ทำเอาชาวกรุงฯ หลายคนถึงกับงงงวย เมื่อฝนตกอย่างกับฟ้าจะถล่ม แถมมีเมฆดำขนาดมหึมา ปกคลุมทั่วท้องฟ้าแทบจะเปลี่ยนเวลา 7 โมงเช้า ให้มีบรรยากาศเหมือน 5 โมงเย็น ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็ทำให้หลายเกิดคำถามว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
"ภาวะโลกร้อน" จากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไอน้ำมากขึ้นจนรวมตัวเป็นเมฆที่จุน้ำมหาศาล
โดยเรื่องนี้ วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อธิบายผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า ภาพเมฆดำทะมึนดังกล่าวคือเมฆที่เป็นผลจาก "ภาวะโลกร้อน" ซึ่งเกิดจากทะเลร้อน น้ำระเหยเยอะ อากาศร้อนจุไอน้ำได้มากขึ้นจนกลายเป็นเมฆที่จุน้ำมหาศาลพร้อมจะเททะลักลงมากลายเป็นฝนห่าใหญ่
ครั้งนี้ผ่านไป แต่ครั้งหน้ายังมี นี่คือสัญญาณการเริ่มต้นของ extreme weather
ผศ. ดร.ธรณ์ ระบุว่า นี่คือการเริ่มต้นของยุค extreme weather ปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว อันเกิดจากความแปรปรวนของโลกหลังจากที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ซึ่งจะกลายเป็นภัยพิบัติสร้างผลกระทบสาหัส โดยเฉพาะประเทศที่กำลังเปราะบางทางเศรษฐกิจ
ยกตัวอย่าง ปากีสถาน ที่เจอน้ำท่วมจากฝนที่ตกหนัก 8 สัปดาห์รวด คนตายนับพัน การเกษตรเสียหายยับ
ผศ. ดร.ธรณ์ ได้ยกตัวอย่างประเทศปากีสถานที่เจอน้ำท่วมหนักจากสภาพอากาศแบบนี้ ไม่ใช่แค่ฝนตกหนัก 8 สัปดาห์รวด ปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเท่าตัว แต่ยังรวมไปถึงธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ที่ละลายแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อน้ำจากยอดเขาไหลมารวมกับน้ำฝนก็เกิดเป็นมหาอุทกภัย ที่ทำคนเสียชีวิตนับพันคน กว่า 33 ล้านคนเดือดร้อน แหล่งเกษตรเสียหายยับเยิน
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าเกินความสามารถประเทศที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินไม่ดี จะรับมือได้"
เมืองไทยเตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่หลายแห่ง ผลจาก extreme weather ที่จะไม่หายไปไหน แต่จะแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เมืองไทยเองก็กำลังเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายแห่ง น้ำทางเหนือกำลังมา ในขณะที่ลำธารและน้ำตกใกล้ภูเขา บางแห่งเจอน้ำป่าฉับพลัน ต้องปิดการท่องเที่ยวบางจุด รวมไปถึงเมฆสีดำทะมึน ฝนตกรุนแรงในพื้นที่เล็ก ๆ เกิดน้ำท่วมรวดเร็ว คนเมืองเหนื่อยเหลือเกินกับการไปทำงาน กลับบ้าน รถติด น้ำเข้าบ้าน
นั่นคือบางตัวอย่างของ extreme weather ที่เราเจอและจะเจอต่อไป มันไม่หายไปหรอก แต่มันจะแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ขึ้นกับว่าจะแรงขึ้นเร็ว ช้า ทั้งหมดอยู่ที่เราในวันนี้ ระหว่างที่เรากำลังไปอย่างเชื่องช้า เมฆสีดำลูกใหญ่กว่ากำลังเคลื่อนเข้ามา เคลื่อนเข้ามาแทนความสุขของพวกเราที่กำลังจางหายไป
อยากให้ความสุขอยู่ต่อไปอีกหน่อย ทุกคนทราบดีว่าเราควรทำอย่างไร ทำตามนั้น ทำให้มากสุดเท่าที่ทำได้ อาจไม่สะดวกสบาย อาจลำบากบ้าง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า นี่ไม่ใช่ความลำบากอะไรเลย..."
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat
ภาพจาก FM91 Trafficpro/เครดิต lekbb
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ทำเอาชาวกรุงฯ หลายคนถึงกับงงงวย เมื่อฝนตกอย่างกับฟ้าจะถล่ม แถมมีเมฆดำขนาดมหึมา ปกคลุมทั่วท้องฟ้าแทบจะเปลี่ยนเวลา 7 โมงเช้า ให้มีบรรยากาศเหมือน 5 โมงเย็น ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ก็ทำให้หลายเกิดคำถามว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
โดยเรื่องนี้ วันที่ 29 สิงหาคม 2565 ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้อธิบายผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า ภาพเมฆดำทะมึนดังกล่าวคือเมฆที่เป็นผลจาก "ภาวะโลกร้อน" ซึ่งเกิดจากทะเลร้อน น้ำระเหยเยอะ อากาศร้อนจุไอน้ำได้มากขึ้นจนกลายเป็นเมฆที่จุน้ำมหาศาลพร้อมจะเททะลักลงมากลายเป็นฝนห่าใหญ่
ครั้งนี้ผ่านไป แต่ครั้งหน้ายังมี นี่คือสัญญาณการเริ่มต้นของ extreme weather
ผศ. ดร.ธรณ์ ระบุว่า นี่คือการเริ่มต้นของยุค extreme weather ปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว อันเกิดจากความแปรปรวนของโลกหลังจากที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาอย่างยาวนานและต่อเนื่อง ซึ่งจะกลายเป็นภัยพิบัติสร้างผลกระทบสาหัส โดยเฉพาะประเทศที่กำลังเปราะบางทางเศรษฐกิจ
ยกตัวอย่าง ปากีสถาน ที่เจอน้ำท่วมจากฝนที่ตกหนัก 8 สัปดาห์รวด คนตายนับพัน การเกษตรเสียหายยับ
ผศ. ดร.ธรณ์ ได้ยกตัวอย่างประเทศปากีสถานที่เจอน้ำท่วมหนักจากสภาพอากาศแบบนี้ ไม่ใช่แค่ฝนตกหนัก 8 สัปดาห์รวด ปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเท่าตัว แต่ยังรวมไปถึงธารน้ำแข็งบนเทือกเขาหิมาลัย ที่ละลายแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อน้ำจากยอดเขาไหลมารวมกับน้ำฝนก็เกิดเป็นมหาอุทกภัย ที่ทำคนเสียชีวิตนับพันคน กว่า 33 ล้านคนเดือดร้อน แหล่งเกษตรเสียหายยับเยิน
"ความเสียหายที่เกิดขึ้นนับว่าเกินความสามารถประเทศที่กำลังอยู่ในสถานการณ์ทางการเงินไม่ดี จะรับมือได้"
เมืองไทยเตรียมรับมือน้ำท่วมใหญ่หลายแห่ง ผลจาก extreme weather ที่จะไม่หายไปไหน แต่จะแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เมืองไทยเองก็กำลังเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายแห่ง น้ำทางเหนือกำลังมา ในขณะที่ลำธารและน้ำตกใกล้ภูเขา บางแห่งเจอน้ำป่าฉับพลัน ต้องปิดการท่องเที่ยวบางจุด รวมไปถึงเมฆสีดำทะมึน ฝนตกรุนแรงในพื้นที่เล็ก ๆ เกิดน้ำท่วมรวดเร็ว คนเมืองเหนื่อยเหลือเกินกับการไปทำงาน กลับบ้าน รถติด น้ำเข้าบ้าน
นั่นคือบางตัวอย่างของ extreme weather ที่เราเจอและจะเจอต่อไป มันไม่หายไปหรอก แต่มันจะแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ขึ้นกับว่าจะแรงขึ้นเร็ว ช้า ทั้งหมดอยู่ที่เราในวันนี้ ระหว่างที่เรากำลังไปอย่างเชื่องช้า เมฆสีดำลูกใหญ่กว่ากำลังเคลื่อนเข้ามา เคลื่อนเข้ามาแทนความสุขของพวกเราที่กำลังจางหายไป
อยากให้ความสุขอยู่ต่อไปอีกหน่อย ทุกคนทราบดีว่าเราควรทำอย่างไร ทำตามนั้น ทำให้มากสุดเท่าที่ทำได้ อาจไม่สะดวกสบาย อาจลำบากบ้าง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า นี่ไม่ใช่ความลำบากอะไรเลย..."
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat